ศูนย์ข่าวขอนแก่น - แหล่งปลูกกุยช่ายแปลงใหญ่ชื่อดังในจังหวัดขอนแก่นโอดปัญหาแล้งทำให้กุยช่ายไม่สมบูรณ์ เก็บขายไม่พอกับความต้องการตลาด แม้ราคากุยช่ายขาวสูงขึ้นกิโลฯ กว่า 100 บาท หลายรายหันไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทนลดเสี่ยงขาดทุน
บ้านนาเพียง หมู่ที่ 4 ต.สำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ถือเป็นแหล่งเพาะปลูกกุยช่ายขาว-กุยช่ายเขียวแปลงใหญ่ส่งขายทั้งในพื้นที่ขอนแก่นและหลายจังหวัดในภาคอีสาน กุยช่ายที่ปลูกบ้านนาเพียงเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในด้านคุณภาพ อย่างไรก็ตาม ปัญหาภัยแล้งที่คุกคามอย่างหนักในปีนี้ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกกุยช่ายบ้านนาเพียงเป็นอย่างมาก
เกษตรกรจำนวนไม่น้อยได้ลดพื้นที่ปลูกเพื่อเลี่ยงปัญหาขาดแคลนน้ำ ไม่ต้องเสี่ยงกับการขาดทุน แม้ว่าความต้องการของตลาดจะสูงมากและราคากุยช่ายจะแพงขึ้นก็ตาม
นางสำรวย ช่วยหาญ อายุ 59 ปี ตัวแทนชาวบ้านนาเพียง หนึ่งในสมาชิกกลุ่มเกษตรกรปลุกกุยช่าย บอกว่า ขณะนี้สระน้ำที่ใช้กักเก็บน้ำประจำหมู่บ้านแห้งขอด เหลือน้ำเก็บกักแค่ 15-20% ของความจุ ตั้งแต่ตนเกิดมากว่า 50 ปี เพิ่งเคยเจอปัญหาแล้งในปีนี้หนักหนาสาหัสมากที่สุด นอกจากชาวบ้านจะขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ ถึงขั้นต้องซื้อน้ำบรรจุถังมาใช้แทนน้ำประปาที่มีกลิ่นเหม็นโคลนตม
นางสำรวยบอกอีกว่า ชาวบ้านในหมู่บ้านนาเพียงส่วนใหญ่ยึดอาชีพปลูกกุยช่ายขาว กุยช่ายเขียวลักษณะนาแปลงใหญ่ เนื้อที่รวมกันมากกว่า 700 ไร่ กุยช่ายที่ปลูกจะตัดส่งขายตลาดไม่เคยขาดช่วง แต่ตอนนี้กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำไปฉีดรดต้นกุยช่าย จากปกติช่วงมีน้ำจะรดวันละ 2-3 รอบ แต่ในช่วงนี้รดน้ำได้แค่วันละครั้งเท่านั้น
“น้ำท่าไม่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ต้นกุยช่ายไม่งาม ใบลีบแห้ง ตัดขายได้ไม่พอความต้องการของตลาดที่สั่งซื้อเข้ามา จึงทำให้ตอนนี้เฉพาะกุยช่ายขาวราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 100-110 บาท” นางสำรวยกล่าว และบอกว่า
จากปัญหาแล้งที่คุกคามอย่างหนักในปีนี้ ทำให้เพื่อนบ้านเกษตรกรหลายรายได้เลิกปลูกกุยช่ายเป็นการชั่วคราว โดยหันไปปลูกพืชอายุสั้นใช้น้ำน้อยแทน เช่น ถั่วฝักยาว อย่างน้อยก็ทำให้เสี่ยงน้อยลงพอเก็บขายเป็นรายได้ทดแทน ในภาวะเช่นนี้คงต้องอดทนจนกว่าจะพ้นหน้าแล้ง แล้วค่อยกลับมาปลูกกุยช่ายกันเช่นเดิม เพราะถึงอย่างไรกุยช่ายบ้านนาเพียงก็มีตลาดรับซื้อแน่นอน ราคาขายก็สูงกว่า