อ่างทอง - เจ้าของฟาร์มไก่ชนชื่อดังใจเด็ดคว้ามีดจับหัวขโมย ก่อนคนร้ายสลัดหลุดหนีลอยนวล เผยเป็นคนในละแวกบ้านชอบลักเล็กขโมยน้อย และเคยนำไก่ชนมาปล้ำที่ฟาร์ม ส่วนทรัพย์สินที่หายและกำลังจะถูกขโมยไปเป็นของเก่ามูลค่าหลายหมื่นบาท
วันนี้ (19 ส.ค.) ร.ต.อ.สมบัติ สมบูรณ์ดี รองสารวัตรสอบสวน สภ.โพธิ์ทอง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีคนร้ายแอบปีนกำแพงบ้านเข้าไปลักทรัพย์ภายในบ้านที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย ซึ่งมีพลเมืองดีเข้ามาพบเห็นเหตุการณ์ จึงได้เข้าทำการจับกุมตัวเอาไว้ได้ แต่คนร้ายได้พยายามต่อสู้ขัดขืนจนสามารถหนีรอดไปได้ เหตุเกิดบริเวณบ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 7 ตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง หลังได้รับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์ทอง
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูงแบบสมัยโบราณที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย พบ นายสุเทพ สภาพทรัพย์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 7 ตำบลอินทประมูล เจ้าของฟาร์มไก่ชนอินเตอร์ ที่อยู่ติดกับบ้านที่เกิดเหตุ ยืนรอให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของ นายพงษ์สันต์ วิจิตรรัตน์ ซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยได้ให้ตนเองเช่าพื้นที่เพาะเลี้ยงไก่ชนและทำเป็นสนามตีไก่ ส่วนตัวบ้านถูกปิดล็อกด้วยกุญแจ และได้ฝากให้ตนเองดูแล
โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนเองได้ยินเสียงผิดปกติ แต่ไม่ได้สงสัยว่าจะมีคนร้ายเข้ามา จนเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ตนเองได้สังเกตเห็นคนร้ายใส่เสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงขาสั้น สะพายย่าม รูปร่างผอม ผิวดำแดง สูงประมาณ 160 เซนติเมตร ปีนกำแพงหน้าประตูบ้านเข้าไปในบ้าน ตนเองจึงได้คว้ามีดขอติดมือมาด้วย และพบว่าคนร้ายกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เมื่อคนร้ายรู้ว่ามีคนเห็นจึงได้วิ่งหนีเข้าไปหลบในห้องเก็บของใต้ถุนบ้าน ตนเองจึงได้ใช้มีดขู่แล้วจับคนร้ายเอาไว้ได้
ทราบชื่อต่อมาคือ นายสุวัฒน์ ยังคุ้มญาติ หรือแก้ว อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ที่ 5 ตำบลอินทประมูล ที่มีบ้านห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร โดยตนเองได้ทำการล็อกแขนด้วยมือข้างซ้าย มือขวาถือมีดคุมเชิงไว้ แล้วได้เดินนำตัวออกมาหน้าบ้าน ในระหว่างที่กำลังแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางคนร้ายได้ต่อสู้ขัดขืนจนสามารถดิ้นหลุดจากแขนของตนเองแล้ววิ่งหนีไปได้
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบ พบว่า บ้านทั้ง 2 หลังที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ถูกใช้มีดตัดแม่กุญแจ และงัดประตูเข้าไปรื้อค้นทรัพย์สิน ที่ริมรั้วบ้านพบตู้ไม้สัก 1 หลัง ถูกนำมาทิ้งไว้เพื่อรอการขนย้าย เตียงไม้สักและชุดเครื่องทองเหลืองถูกขโมยไปหลายรายการ มูลค่ารวมแล้วกว่าหลายหมื่นบาท
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 81 หมู่ที่ 5 ชุมชนบ้านวัดป่า ตำบลอินทประมูล ซึ่งเป็นบ้านพักของ นายแก้ว พบว่า ประตูบ้านถูกล็อกไม่มีใครอยู่ มีเพียงวิทยุทรานซิสเตอร์ถูกเปิดทิ้งไว้ ใต้ถุนบ้านพบเครื่องยนต์ทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์เก่า ส่วนด้านหลังบ้านพบเครื่องพ่นยาและอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นจำนวนมากอีกเช่นกัน จึงได้เตรียมนำไปตรวจสอบว่าเป็นทรัพย์สินที่ถูกขโมยมาหรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าคนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน เนื่องจากทรัพย์สินที่ถูกขโมยมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจะได้ทำการติดตามตัว นาย แก้ว มาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
