อุตรดิตถ์ - แฉพฤติกรรมอดีตพระเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมฯ ชื่อดังอุตรดิตถ์..เสพเมถุนน้องสาวต่างแม่นาน 3 ปี แถมนอนกับโยมคนสนิทอีก พอเรื่องเริ่มแดงชิงลาสิกขาฯ นุ่งขาวแทน เหยื่อกามร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ-สำนักพุทธฯ แล้ว ยังทำอะไรไม่ได้
น.ส.ชุติฯ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ชาว อ.แม่สรวย จ.เชียงราย น้องสาวต่างมารดาของอดีตพระสงฆ์เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ได้ออกมาแฉพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของอดีตพระสงฆ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายต่างมารดา ว่า ปี 2550 พ่อและแม่น้าได้ให้มาคอยดูแลพระพี่ชาย เหมือนให้น้องสาวมาคอยดูแลพี่ชาย ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับเด็กวัดคนหนึ่ง ทำงานจนกระทั่งตนมีอาการกระดูกทับเส้น
ขณะเดียวกันก็รับรู้รับทราบจากลูกศิษย์ว่าพระพี่ชายมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับลูกศิษย์ที่เป็นผู้หญิง แต่ไม่ค่อยเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่ยอมรับว่าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอาจจะเป็นเรื่องจริงก็เป็นไปได้
น.ส.ชุติฯ กล่าวว่า ตลอดเวลาที่คิดถึงเรื่องดังกล่าวก็ไม่ค่อยสบายใจ จึงตัดสินใจปรึกษากับพระพี่ชายว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ โดยพระพี่ชายแนะนำว่าจะต้องทำการฝึกจิตด้วยวิธีการเปลื้องผ้าต่อหน้าพระพี่ชายในช่วงเวลากลางคืนเพื่อทำการทดสอบสภาพจิตใจของตนเอง ยอมรับว่าไม่ได้คิดว่าการฝึกจิตทำไมถึงต้องทำขนาดนี้คือการเปลื้องผ้า อีกทั้งเชื่อว่าความที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
กระทั่งทำการฝึกอยู่ 3 สัปดาห์ พระพี่ชายก็บอกให้ทำอย่างเดิม แต่ครั้งนี้ให้นอนหงายแล้วปิดไฟฟ้าให้อยู่ในความมืด จากนั้นพระพี่ชายก็นำมะเขือยาวที่แช่เย็นออกมาให้จับ ขณะนั้นรู้สึกกลัวมาก และเริ่มคิดว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว สุดท้ายในคืนนั้นพระพี่ชายกับตนก็มีความสัมพันธ์ทางเพศหรือเสพเมถุนด้วยกัน
“ผ่านจากคืนที่พระพี่ชายเสพถุนกับดิฉันแล้วก็พยายามกำชับว่าห้ามพูดหรือนึกถึงเรื่องคืนที่ผ่านมาเพราะจะเสียหายทั้ง 2 คน นับจากนั้นดิฉันและพระพี่ชายเสพเมถุนอยู่ด้วยกันมานานถึง 3 ปี โดยปีแรกยอมรับว่าลำบากใจ รู้สึกไม่ดีและรู้สึกกลัวทุกครั้งที่ถูกเรียกเข้าไปพบในห้องช่วงกลางคืน ผ่านไปปีที่ 2 และ 3 ก็รู้สึกชินชา แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าไม่ดี และทำลายศาสนา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเกรงว่าชื่อเสียงของพระพี่ชายจะเสียหาย รวมถึงมีญาติโยมมาทำบุญสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากกว่า 100 องค์ด้วย”
และในช่วง 2 ปีแรกที่ตนมีอะไรกับพระพี่ชาย ก็มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีอายุมาทำบุญที่สำนักปฏิบัติธรรมฯ พระพี่ชายกับโยมรายนี้ก็พูดคุยกันถูกคอจนมีความสัมพันธ์อะไรกันเกินเลยไปมากกว่าลูกศิษย์กับพระ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นมีพระรูปหนึ่งที่เคยมาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมฯ เห็นว่าอยู่ด้วยกัน 2 คนในห้องเดียวกันตลอดทั้งคืนด้วย
น.ส.ชุติฯ กล่าวว่า ตลอด 2 ปีที่ต้องอาศัยอยู่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้แบบหวานอมขมกลืนเพราะต้องอยู่แบบไม่ต่างอะไรไปจากภรรยาหลวง-ภรรยาน้อย กระทั่งช่วงต้นปี 2562 พระพี่ชายและโยม ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิแห่งหนึ่งขอให้ออกจากสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ โดยให้เงิน 200,000 บาท จึงตัดสินใจออกมาอยู่กับพ่อที่เชียงราย
ล่าสุดต้นเดือนกรกฎาคม 62 ที่ผ่านมาพ่อก็ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด จึงเดินทางมาพบพระลูกชาย แม้จะอยู่ภายในสำนักปฏิบัติธรรมฯ แห่งนี้แต่นุ่งขาวห่มขาว เนื่องจากทำการลาสิกขาไปเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน โดยอดีตพระพี่ชายหรือพระลูกชายก็ยอมรับกับพ่อว่ามีความสัมพันธ์กับน้องสาวต่างมารดาจริง พ่อและแม่น้ากำลังหารือกันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายต่ออดีตพระรูปนี้อย่างไรได้บ้าง
“เหตุที่ทำให้อดีตพระพี่ชายต้องลาสิกขาก็เนื่องมาจากมีบรรดาญาติโยมลูกศิษย์รู้เรื่องถึงเรื่องไม่ดีมากขึ้น ญาติโยมรุ่นเก่าๆ ที่เคยเป็นลูกศิษย์ไม่มาทำบุญ ไม่เข้ามาสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้แล้ว จะมีก็แต่ญาติโยมและลูกศิษย์รุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำบุญเหมือนเดิม”
ล่าสุดสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ และปิดไม่รับปฏิบัติธรรมจากบุคคลภายนอกแล้ว พร้อมห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปภายในสำนักปฏิบัติธรรมด้วย การที่ตนออกมาแฉเรื่องไม่ดีครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความหึงหวง หรือมีผลประโยชน์ภายในสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ แต่ไม่ต้องการให้ญาติโยมคนอื่นต้องตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป และทราบว่าอดีตพระพี่ชายจะรอให้เรื่องนี้เงียบและจะกลับมาบวชเป็นพระอีก
น.ส.ชุติฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมานำคลิปภาพขณะพระพี่ชายเสพเมถุนกับตนเอง และหลักฐานการคุยไลน์ระหว่างพระพี่ชายกับโยมที่เป็นประธานมูลนิธิฯ ที่เกี่ยวข้องกับสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุตรดิตถ์ แต่เจ้าหน้าที่ในศูนย์ดำรงธรรมอุตรดิตถ์ไม่ยอมรับเรื่อง โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และเกรงจะเกิดอันตรายต่อตัวผู้ร้อง หรืออาจจะถูกฟ้องร้องได้ ก่อนหน้านี้ก็เคยปรึกษาทางสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งทางผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้ เพราะพระรูปนี้ทำการลาสิกขาไปแล้ว
แหล่งข่าวลูกศิษย์สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้รายหนึ่งยอมรับว่า อดีตพระสงฆ์รูปนี้เสพเมถุนกับผู้หญิงจริง และการลาสิกขาก็เป็นเพราะเหตุนี้ แต่แม้จะรับรู้เรื่องราวของสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ว่าเสื่อมเสียอย่างไร แต่หากมีเวลาก็จะไปปฏิบัติธรรมเหมือนเดิม เพราะเชื่อในคำสอนของพระพุทธศาสนา และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัว
ด้านนายธนกร อึ้งจิตรไพศาล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะไม่มีการรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่จะให้นายพิภัช ประจันเขตต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ดูแลงานด้านพระพุทธศาสนา ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงก็ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง