xs
xsm
sm
md
lg

“คุณหญิงกัลยา” หนุนโครงการ อศ.กช. ย้ำต้องนำเทคโนฯพัฒนาการเกษตรให้ยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


มหาสารคาม - รมช.ศึกษาฯ พบกลุ่มผู้เรียนอาชีวศึกษาเพื่อการพัฒนาชนบทที่ อ.ยางสีสุราช ชมช่วยยกระดับความรู้ด้านการเกษตรสู่ผู้สูงอายุให้พึ่งพาตนเองได้ ย้ำเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่ยั่งยืนแต่ต้องนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ช่วยสร้างงานเพิ่มให้ลูกหลาน

วันนี้ (14 ส.ค. 62) ที่แปลงผักบ้านหนองบัวชุม ต.นาภู อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะ ลงพื้นที่พบกลุ่มผู้เรียน อศ.กช. (อาชีวศึกษาเพื่อการพัฒนาชนบท) พร้อมฟังบรรยายสรุป และดูงานแปลงผักซึ่งเป็นผลงานที่เกิดจากการเรียนการสอน ต่อยอดมาจากองค์ความรู้ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพ ซึ่งใครๆ ก็สามารถเรียนได้ ตั้งแต่อายุ 17-70 ปีบริบูรณ์

โครงการอาชีวศึกษาเพื่อการพัฒนาชนบท (อศ.กช.) เดิมเป็นโครงการอาชีวศึกษาเพื่อแก้ปัญหาความยากจนในชนบท สำหรับประชาชนวัยทำงาน ด้านอาชีพเกษตรกรรม โดยรับผู้ที่จบการศึกษากระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เข้าศึกษาประดับประกาศนียบัตรวิชาชีพพิเศษ ประเภทวิชาเกษตรกรรม หลักสูตร 5 ปี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยสถานศึกษาจัดครูไปสอนที่แหล่งเรียนรู้ชุมชนและในฤดูกาลที่ว่าจากการประกอบอาชีพเกษตรกรรม


ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อโครงการเป็นอาชีวศึกษาเพื่อการพัฒนาชนบท และเปลี่ยนหลักสูตรเป็นรับผู้ที่จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 3 เข้าศึกษาต่อประดับประกาศนียบัตรวิชาชีพเกษตรกรรม หลักสูตร 3 ปี และสามารถศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น หลักสูตรอาชีพศึกษาเพื่อการพัฒนาชนบทสอดคล้องกับการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งคนไทยจะได้เรียนรู้อย่างมีคุณภาพตลอดชีวิต

โดยวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม ได้รับนโยบายจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาให้จัดการเรียนการสอนโครงการอาชีวศึกษาเพื่อการพัฒนาชนบท (อศ.กช.) ให้แก่เกษตรกร เพื่อการพัฒนาให้มีคุณวุฒิวิชาชีพเกษตรกร สาขางานการเกษตรระดับ ปวช. และพัฒนาความรู้ตลอดจนทักษะอาชีพทางเกษตรให้เกษตรกรสามารถประกอบอาชีพได้

ในปีการศึกษา 2558 ได้จัดการเรียนการสอนแบบฐานอาชีพ (Project Based Learning) หรือกระเช้าอาชีพ โดยการบูรณาการรายวิชากับฐานอาชีพการเกษตร เรียน 6 ภาคเรียน ภาคเรียนละ 1 อาชีพ ตลอดหลักสูตรรวม 6 อาชีพ ใช้เวลาเรียน 3 ปี ประกอบด้วย ด้านการผลิตพืช เลือกเรียน 2 อาชีพ ได้แก่ การเพาะเห็ด การปลูกผักอินทรีย์ การปลูกข้าวโพดระบบแม่นยำ และการขยายพันธุ์พืช ด้านการผลิตสัตว์ เรียน 2 อาชีพ ได้แก่ การเลี้ยงสัตว์ใหญ่ (โค-กระบือ) และการเลี้ยงสัตว์ปีก ด้านการผลิตสัตว์น้ำ เลือกเรียน 1 อาชีพ ได้แก่ การเพาะเลี้ยงกบ การเพาะเลี้ยงปลา ด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากพืชและสัตว์ 1 อาชีพ

นางจุฬาลักษณ์ บินไธสง อศ.กช.หนองบัวชุม ต.นาภู อ.ยางสีสุราช บอกว่า ตนเองมีพื้นที่ปลูกผักทั้งหมด 10 แปลง ก่อนที่จะมาเรียน อศ.กช.ก็เหมือนต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างปลูกผัก ใครจะปลูกอะไรก็แล้วแต่ แต่พอได้มาเรียนก็ได้รู้ว่าผักชนิดไหน ควรปลูกเวลาไหน การปรับปรุงบำรุงดินต้องทำอย่างไร การผลิตปุ๋ยหมัก การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ต้องทำอย่างไร ซึ่งแปลงผักที่แบ่งกันกับเพื่อนบ้านทุกแปลงจะเป็นแปลงปลอดสารเคมี มีการปรับปรุงดินคือเอาแกลบดิบ แกลบดำ ปุ๋ยคอก น้ำหมักชีวภาพ มาบำรุงดิน จากนั้นนำผลผลิตลงปลูก ส่วนปุ๋ยบำรุงผัก จะทำขึ้นมาเอง โดยการทำจากกากถั่วเหลือง เปลือกสับปะรด EM น้ำซาวข้าวกับน้ำตาลผสมรวมกัน 15 วันและนำมารดในแปลงผัก

วิธีการปลูกผักโดยการหลอกล่อแมลง คือ ปลูกผักแต่ละชนิดโดยไม่ซ้ำแปลง จากที่เคยปลูกผักบุ้ง เมื่อเก็บผักบุ้งไปแล้ว ก็จะปลูกผักชนิดอื่นขึ้นมาแทนเนื่องจากแมลงจะมาไข่ที่ผักบุ้ง หากปลูกซ้ำแปลงเดิมแมลงที่เกิดขึ้นก็จะมากินผักในแปลงเดิม เรียกว่า การปลูกผักหลอกล่อแมลง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้ จนตอนนี้แปลงผักของตนและแปลงของเพื่อนๆ ที่อยู่บริเวณนี้อีกหลายสิบแปลง มีการผลิตผักอินทรีย์ปลอดสารเคมี 100% สามารถส่งผลผลิตขายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ที่กรุงเทพฯ มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว ลูกหลานไม่ต้องไปทำงานที่อื่น มาช่วยกันปลูกผ้า สร้างความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว สร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า อศ.กช.ถือเป็นทางรอดของเกษตรกรไทยทุกคน ตนเองยืนยันคำนี้ เพราะดิฉันเป็นเด็กบ้านนอก เป็นคนอีสานนึกอยู่ตลอดเวลาว่าทำไมเกษตรกรแม้กระทั่งลูกชาวไร่ชาวนาก็ไม่อยากให้ลูกเรียนเกษตรกรเพราะอะไร แต่วันนี้เรามีคำตอบแล้วว่าอาชีพเกษตรคืออาชีพที่ยั่งยืน แต่ขอเพิ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าไปด้วย เนื่องจากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สามารถสร้างงาน สร้างเงิน สร้างคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรไทยตามนโยบายที่เคยให้ไว้อยู่ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เมื่อครั้งที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ก็มองเห็นว่าวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสร้างงานสร้างเงินสร้างคุณภาพชีวิต และเป็นการจุดประกายกระตุ้นเตือนให้พวกเราไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็สามารถที่จะเข้าโครงการ อศ.กช.นี้ได้ และเมื่อเข้ามาแล้วก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด และสามารถจับเงินล้านได้จริงภายใน 5 ปี

วิทยาลัยเกษตร และเทคโนโลยีจะต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชุมชน มีจิตอาสาที่จะทำเพื่อชุมชนมากขึ้น นอกจากนี้ได้สั่งการให้ทุกวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีทุกแห่งปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นในพื้นที่ของวิทยาลัยเองปลูกต้นไม้มีค่า เช่น พะยูง สัก ปลูกไม้ท้องถิ่น ปลูกไม้กินได้ โดยจะเริ่มหน้าฝนนี้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพิ่มป่าให้กับชุมชนไปพร้อมกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น