สุรินทร์ - อ่างฯ ห้วยเสนง แหล่งน้ำดิบผลิตประปาเลี้ยงเมืองสุรินทร์ยังไม่พ้นวิกฤตแห้ง เหตุผันน้ำเติมได้น้อย ขุ่นโคลน ผลิตประปาได้ไม่พอกับความต้องการ ปชช. ขณะที่อ่างน้ำตา มทร.อีสานสุรินทร์ แหล่งน้ำช่วยเติมอีกแห่ง เริ่มแห้ง เหลือสูบได้อีกแค่ 20%
วันนี้ (14 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์วิกฤตภัยแล้งจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งส่งผลให้อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ต.เฉนียง อ.เมืองฯ จ.สุรินทร์ แหล่งน้ำดิบของการประปาส่วนภูมิภาค สาขาสุรินทร์ ผลิตประปาหล่อเลี้ยงเขตเมืองสุรินทร์และพื้นที่ตำบลใกล้เคียง น้ำแห้งขอดสุดในรอบกว่า 40 ปี นับตั้งแต่ก่อสร้างอ่างฯ เมื่อปี 2520 ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคอย่างหนักและส่งผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ทั้ง หน่วยงานรัฐ สถานที่ราชการ โรงพยาบาล สถานศึกษา บริษัทห้างร้านต่างๆ และประชาชนเดือดร้อนไม่มีน้ำประปาใช้ และภาคส่วนที่เกี่ยวได้พยายามแก้ปัญหาด้วยการผันน้ำจากบ่อระเบิดหินที่เขาสวาย ระยะไกลกว่า 14 กิโลเมตร และอ่างเก็บน้ำ (อ่างน้ำตา) ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขต สุรินทร์ เข้ามาเติมอ่างฯ ห้วยเสนง เพื่อแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วน นั้น
ล่าสุดอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1.8 ล้านลูกบาศก์เมตร ( ลบ.ม.) คิดเป็น 8.23 เปอร์เซ็นต์ของขนาดความจุ ซึ่งเพียงพอผลิตน้ำประปาได้ แต่น้ำมีตะกอนขุ่นโคลนมาก ตามสภาพของน้ำฝนและน้ำที่ได้จากบ่อระเบิดหินเขาสวาย รวมทั้งอ่างน้ำตาซึ่งไหลผ่านลำคลอง จึงยังไม่สามารถผลิตน้ำประปาได้ตามปกติ ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ทำให้น้ำประปาขุ่นไหลอ่อนและไม่ไหลเลยในบางจุด
ทางด้านองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุรินทร์ นายกิติเมศวร์ รุ่งธนิเกียรติ นายก อบจ.สุรินทร์ ได้นำรถแบ็กโฮ เข้าดำเนินการขุดบ่อขนาด 40X40 เมตร ลึก 10 เมตร ในพื้นที่ก้นอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เพื่อนำน้ำจากใต้ดินมาช่วยแก้ปัญหาน้ำในการอุปโภคบริโภคในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ และตำบลนอกเมืองดังกล่าว ซึ่ง อบจ.สุรินทร์ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ เข้ามาเร่งดำเนินการทั้งช่วงเช้าและช่วงดึกจนถึงเวลาเที่ยงคืนทุกวัน เพื่อเร่งขุดบ่อแรกให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 18 ส.ค.นี้
ขณะที่อ่างเก็บน้ำ (อ่างน้ำตา) ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) วิทยาเขตสุรินทร์ ซึ่งเป็นอีกแหล่งน้ำที่ผันลงห้วยเสนงหรือลำโกดกง ไปเติมอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง มาตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้เครื่องสูบน้ำจำนวน 2 เครื่อง สูบวันละ 13 ชั่วโมง ได้น้ำประมาณ 9,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งสูบน้ำต่อเนื่องมากว่า 24 วันแล้ว ทำให้ปริมาณน้ำอ่างน้ำตาที่มีอยู่ทั้งหมด ประมาณ 2.5 แสน ลบ.ม. ลดลงอย่างเห็นได้ชัด บริเวณท้ายอ่างเริ่มแห้งเห็นดินโผล่แล้ว
นายสรชัย สุขพันธ์ ผู้ช่วยอธิการบดีประจำวิทยาเขตสุรินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยได้ตกลงกับชลประทานสุรินทร์ ให้สามารถสูบน้ำจากอ่างน้ำตาไปใช้ได้ จำนวน 70% และ ให้เหลือไว้ใช้ในฟาร์มของมหาวิทยาลัยจำนวน 30% ซึ่งในขณะนี้เหลือน้ำอยู่ในอ่างประมาณ 50% ทางมหาวิทยาลัยคอยสังเกตปริมาณน้ำในอ่างน้ำตาอยู่ตลอดเวลา หากมีปริมาณลดลงเหลือในระดับ 30% ตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก ทางมหาวิทยาลัยต้องขออนุญาตงดให้การสนับสนุนน้ำ จนกว่าน้ำในอ่างน้ำตา จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจนสามารถให้การสนับสนุนได้อีกครั้ง