พิษณุโลก - ศิษยานุศิษย์ร่วมแสดงมุทิตาจิตครบรอบ 89 ปี “หลวงตาละมัย-จอมอาคม” พร้อมเปิดกรุพระเครื่องเกจิดังเมืองสองแคว ที่ถือเป็นตำนานวัดอรัญญิก-พระกรุสมัยสุโขทัย
วันนี้ (1 ส.ค.) บรรดาศิษยานุศิษย์ร่วมกันจัดพิธีทำบุญครบรอบ 89 ปี พระวรญาณมุนี หรือหลวงตาละมัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ อ.เมืองพิษณุโลก และผู้ดูแลวัดอรัญญิก ท่ามกลางคณะศรัทธาเดินทางมาร่วมงานแน่นวัดอรัญญิก ซึ่งเป็นวัดเก่า มีสถูปเจดีย์ทรงระฆังลังกา เนินอุโบสถ และวิหารเก่าสมัยสุโขทัย เป็นโบราณสถานที่กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
ทั้งนี้ คนพิษณุโลกทราบกันดีว่าหลวงตาละมัยเป็นเจ้าอาวาสวัดอรัญญิกมานาน แต่ไม่รับการแต่งตั้ง เนื่องจากหลวงตาละมัยไม่ต้องการ เพราะถ้าใครเป็นเจ้าอาวาสวัดอรัญญิกมักมีอันเป็นไป เนื่องจากวัดอรัญญิกเป็นวัดเก่าแก่ ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2026 อยู่ทิศตะวันออกของกำแพงเมือง
แต่หลวงตาละมัยได้สร้างถาวรวัตถุ เช่น พระอุโบสถ ที่มีมูลค่าสูง 40 ล้านบาท กุฏิ รั้วรวมบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถานเก่าๆ รวมทั้งโรงเรียนวัดอรัญญิก ล่าสุดเพิ่งสละทรัพย์สินนอกกายแก่พระพุทธศาสนา ด้วยการขายที่ดินที่เป็นทรัพย์สินส่วนตน จำนวน 7.5 ล้านบาท มาสมทบสร้างศาลาการเปรียญวัดอรัญญิกในราคา 12,000,000 บาท จนก่อสร้างแล้วเสร็จ
"หลวงตาละมัย" ถือว่าเป็นพระที่ปฏิบัติพระธรรมวินัยของสงฆ์อย่างเคร่งครัด ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดใหญ่เมื่อปี 2516 และอีก 2 ปีต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น "พระครูประสาทธรรมวัตร" ในปี 2518 และสืบทอดความเป็นพระที่เคารพนับถือของคนพิษณุโลกมาถึงวันนี้ร่วม 70 พรรษา
ที่ผ่านมามีบุคคลที่มีชื่อเสียงเคารพศรัทธา อาทิ พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เคยจัดสร้างถาวรวัตถุถวายวัดอรัญญิก คือ ศาลาการเปรียญ 2 ชั้น ศาลาธรรมสังเวช และเมรุวัดอรัญญิก พร้อมกับสร้างพระเครื่องในยุคนั้น ต่อมา พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบกและอดีตแม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งมีชื่อเดิมว่า "อนุสรณ์" หลวงตาละมัยได้เปลี่ยนชื่อให้ ทำให้มีความก้าวหน้าในชีวิตราชการ ชื่อเสียงโด่งดัง จนทำให้นายทหารขอให้หลวงตาละมัยเปลี่ยนชื่อให้อีกหลายนาย
ทั้งนี้ “หลวงตาละมัย” หรือ พระวรญาณมุนี บวชเป็นพระภิกษุมาตั้งแต่อายุครบ 20 ปี ที่วัดจอมทอง ตำบลจอมทอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ชื่อเดิมคือ นายแจ่ม เอมหยวก หรือหลวงพ่อแจ่ม เกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2473 ที่ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
ต่อมาได้รับฉายาว่า "สุธมฺโม" และย้ายมาจำพรรษาวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ปริยัติธรรม จนได้นักธรรมเอก และมีความสนใจทางด้านปฏิบัติธรรมทางกัมมัฏฐานวิปัสสนา ปลุกเสกน้ำมนต์ ลงอักขระเครื่องรางของขลัง นั่งปรก โยกย้ายกระแสจิต พอร่ำเรียนวิชาอาคมสำเร็จ จึงออกเดินธุดงค์ไปในป่าพื้นที่จังหวัดต่างๆ ศิษย์สำนักเดียวกับหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี เคยร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลในยุคแรกๆ เช่น พระราชอุดมมงคล หรือหลวงพ่ออุตมะ พระราชพรหมญาณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่โง่นโสรโย และร่วมพิธีปลุกเสกพระกริ่งนเรศวร 2507 พิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก พ.ศ. 2515 จนถึงปัจจุบัน หลวงตาละมัยก็ยังนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องดังๆ ในระดับประเทศหลายวัดช่วงที่ผ่านมา
หากพูดถึงพระเครื่องที่หลวงตาละมัย ซึ่งมีชื่อเสียงด้านอาคมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกนั้นมีไม่มากนัก เรียกว่า นับรุ่นได้ เริ่มจากสร้างตะกรุดด้วยตัวเอง และสร้างพระเครื่องครั้งแรกปี 2537 สมัยยังเป็นพระครูประสาทธรรมวัตร เพื่อระดมทุนปฏิสังขรณ์ศาลาอเนกประสงค์ แต่สร้างไม่กี่ร้อยองค์ และสร้างในรุ่นที่ 2 บล็อกเดียวกันอีก
ต่อมาครั้งที่ 2 ปลุกเสกเหรียญ “หลวงพ่อแจ่ม” เป็นโลหะเนื้อเงิน เมื่อปี 2548 ครั้งที่ 3 ปี 2556 สร้างรูปหล่อเหมือนหลวงตาละมัย ถือว่าเป็นครั้งแรกที่สร้างเป็นรูปหล่อ เพื่อเป็นที่ระลึกในงานฝังลูกนิมิต ออกแบบโดยพระครูสุวิธานศาสนกิจ (พระอาจารย์ไพรินทร์) วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) เป็นเนื้อทองแดงรมดำ จำนวน 5,000 องค์ เนื้ออัลปากา จำนวน 5,000 องค์ มีการตอกโค้ดกำกับใต้ฐาน หลวงตาละมัยประกอบพิธีปลุกเสกเดี่ยว ด้วยพระพุทธมนต์ที่ใช้ทำน้ำพระพุทธมนต์และตะกรุดโทนอันโด่งดัง และยังได้สร้างเหรียญทองแดง ปรากฏใบหน้าหลวงตาละมัย ชื่อ พระวรญาณมุนี ซึ่งได้รับแจกในงานมงคลทำบุญครบ 89 ปีวันนี้
นอกจากนี้ คณะศิษยานุศิษย์ยังสร้างวัตถุมงคลมาถวายหลวงตาละมัย เช่น ล็อกเกต จำนวน 500 อัน เหรียญรูปเหมือนหลวงตาละมัยเนื้อเงิน 200 องค์ และเหรียญรูปเหมือนเนื้อทองแดง ทั้งยังมีเหรียญรูป “เต่า” หลวงตาละมัยอีกจำนวนหนึ่ง