ประจวบคีรีขันธ์ - เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลลดลงต่ำสุดครั้งที่ 2 ในรอบปี ที่เกาะทะลุ ทำให้แนวปะการัง และสัตว์ทะเลโผล่พ้นน้ำ ด้านเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากร ทะเลสยาม ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อแนวปะการังและกิจกรรมท่องเที่ยวแต่อย่างใด ถึงแม้จะเป็นช่วงที่เกิดอิทธิพลจากพายุโซนร้อนวิภา ส่งผลให้ประเทศไทย ท้องทะเลมีคลื่นลมแรงและมีฝนตกในหลายพื้นที่
วันนี้ (1 ส.ค.) ภาพปะการังหลายชนิด บริเวณอ่าวมุก และอ่าวใหญ่ ชายหาดเกาะทะลุ ตำบลทรายทอง อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำเป็นบริเวณกว้าง หลังเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลลงต่ำสุดเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี 2562 ซึ่งครั้งแรกเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา และล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ก.ค. และ 1 ส.ค. ไปจนถึงวันที่ 2 ส.ค. ตามตารางน้ำขึ้นน้ำลงของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ที่แจ้งไว้
โดยเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากร ทะเลสยาม และสื่อมวลชนซึ่งเฝ้าติดตาม พบว่า น้ำทะเลลดลงห่างจากชายหาดประมาณ 300-500 เมตร ทำให้แนวปะการังที่อยู่บริเวณน้ำตื้น เช่น ปะการังโขด ปะการังสมอง ปะการังเขากวาง ปะการังแผ่น ปะการังดอกไม้ทะเล รวมทั้งสัตว์ทะเลอย่างหอยมือเสือ และปลิงทะเล โผล่ขึ้นมาบางส่วน
นายเผ่าพิพัธ เจริญพักตร์ เลขานุการมูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากร ทะเลสยาม กล่าวว่า ปรากฏการณ์น้ำทะเลลดต่ำสุดอึกรอบถือเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือน มิ.ย.62 ที่ผ่านมา และมา 2 วันนี้ ทำให้ปะการังบางจุดโผล่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียงชั่วโมงกว่าเท่านั้น ซึ่งน้ำลงต่ำสุดในระหว่างเวลา 09.00-10.30 น. ของวันที่ 31 ก.ค และในวันนี้ พบว่าน้ำทะเลเริ่มขึ้นเป็นปกติตั้งแต่ก่อนเที่ยงไปจนถึงช่วงค่ำ
ซึ่งเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากร ทะเลสยาม ได้เก็บบันทึกภาพรวบรวมเอาไว้เพื่อเป็นฐานข้อมูลของปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในแต่ละปี และช่วงเวลาที่เกิดขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ติดตามปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง สำหรับครั้งนี้ไม่พบว่ามีผลกระทบต่อแนวปะการังแต่อย่างใดเนื่องจากสภาพอากาศมืดครึ้มไม่มีแดดตลอดทั้งวัน และเป็นช่วงที่เกิดอิทธิพลจากพายุโซนร้อนวิภา ส่งผลให้ประเทศไทย ท้องทะเลมีคลื่นลมแรงและมีฝนตกในหลายพื้นที่ของประเทศ
ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาดำน้ำดูปะการังบริเวณเกาะทะลุ ซึ่งนับเป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังที่มีชื่อเสียงและสวยงาม ทางผู้ประกอบการจะพาไปดำน้ำดูปะการังบริเวณด้านหลังของเกาะทะลุ ซึ่งคลื่นลมสงบ และอยู่คนละด้านกับจุดที่มีแนวปะการังโผล่ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะไม่นำนักท่องเที่ยวเข้าไปดำน้ำบริเวณด้านหน้าของเกาะทะลุ ซึ่งมีปะการังโผล่ เพื่อป้องกันความเสียหาย แต่ในช่วงบ่ายไปแล้วน้ำทะเลจะขึ้นจนมองไม่เห็นแนวปะการังที่โผล่ขึ้นมา และหากไม่มีคลื่นลมแรงก็สามารถดำน้ำได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม เลขานุการมูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากร ทะเลสยาม ยังคงติดตามตารางน้ำขึ้นน้ำลงของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ อย่างต่อเนื่อง โดยระดับน้ำทะเลจะลดต่ำลงในวันพรุ่งนี้อีกวันในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกัน หลังจากนั้นก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในวันต่อไป
