ศูนย์ข่าวศรีราชา - รุกกันเพลิน!! เขตป่าสงวน-ที่ดิน ส.ป.ก.ทั้งในพื้นที่เมืองระยอง และเขตเทศบาลตำบลตะเคี้ยนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี วันนี้ รมว.ทรัพยากรฯ และหน่วยงานเกี่ยวข้องคงต้องเข้ามาตรวจสอบครั้งใหญ่ หลังหน่วยงานเกี่ยวข้องทำเฉย
วันนี้ (24 ก.ค.) นายลำยอง ธรรมยิ่ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาตาขวัญ อ.เมืองระยอง ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนถึงกรณีที่มีการลักลอบบุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อทำสวนยาง และสวนผลไม้ รวมทั้งปลูกสร้างบ้าน 2 ชั้น ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากะเฉด-เพ-แกลง ม.5 ต.นาตาขวัญ ซึ่งเป็นเขตติดต่อพื้นที่ ม.5 ต.สำนักทอง อ.เมืองระยอง และได้มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวมทั้งกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ ต.นาตาขวัญ เข้าตรวจสอบและทำการตรวจยึดทรัพย์ดังกล่าวตั้งแต่ปี 2551 แต่ไม่พบผู้กระทำผิด
และในปี 2554 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ยังได้นำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้งซึ่งพบว่า มีการสร้างบ้านพักคนงานเพิ่มอีก 1 หลัง และยังมีการใช้ไฟฟ้า รวมทั้งบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มโดยไม่พบผู้กระทำผิดอีก จนตนเองต้องส่งเรื่องดังกล่าวให้พนักงานสอบสวน สภ.สำนักทอง ทำการสืบสวนและติดตามจับกุมผู้ที่อยู่เบื้องหลัง แต่ถึงวันนี้เรื่องกลับเงียบหายไป
จนต้องทำหนังสือสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ระยอง สุดท้ายก็ไม่มีความคืบหน้าเช่นเดิมนั้น
ร้อง รมว.ทรัพย์-หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร สอบด่วน
ในวันนี้ตนเองเห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีการดำเนินงานใดๆ จากหน่วยงานในพื้นที่ จากนี้ไปจึงจะเตรียมทำหนังสือถึง นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รวมทั้งหัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร และหัวหน้าชุด ศปป.4 เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดและเอาผิดต่อผู้ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนให้ได้
นายลำยอง ยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่ตนเองได้ติดตามเรื่องการบุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อปลูกบ้านบนเขาในเขตป่าสงวนแห่งชาติมานานนับ 10 ปีเศษ นอกจากการดำเนินการต่างๆ จะไม่มีความคืบหน้าแล้ว ยังทำให้กลุ่มบุคคลที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวขู่อาฆาตตนเอง จึงต้องตัดสินใจที่จะต้องไปยังหน่วยงานจากส่วนกลาง เพื่อให้ช่วยหาคำตอบว่าเหตุใดคนทำผิดแผ้วถางป่าสร้างบ้าน จึงไม่ถูกดำเนินคดีฐานผิด พ.ร.บ.ป่าไม้เขตป่าสงวนแห่งชาติ ซ้ำบ้านพักที่ปลูกสร้างก็ยังไม่มีการรื้อถอนแต่อย่างใด
“ถ้าปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายอีก กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ ต.นาตาขวัญ ก็คงจะต้องยุติบทบาทการป้องกันและรักษาป่าไม้ในพื้นที่ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยเช่นกัน” นายลำยอง กล่าว
รุกที่ ส.ป.ก.ทั้งหมู่บ้านกว่า 300 หลังคาเรือน นายกเทศบาลตะเคียนเตี้ย เผยมีปัญหามาแต่อดีตด้วยชาวบ้านมีฐานะยากจน จากนี้คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ส.ป.ก.ดำเนินการตามขั้นตอน
นายกเล็กตะเคียนเตี้ย จี้จัดการชาวบ้านรุกที่ ส.ป.ก.
เช่นเดียวกับกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่ ม.5 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี กว่า 59 ครัวเรือน ได้ลงชื่อเข้าร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี เรื่องเทศบาลตำบลตะเคียนเตี้ย ปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจความเป็นอยู่ของประชาชนจนทำให้ชาวบ้านต้องเผชิญเคราะห์กรรมจากการที่ไม่ได้รับการดูแลพัฒนาด้านระบบสาธารณูปโภค รวมทั้งยังไม่มีแผนหรือแนวการจัดการพื้นที่เพื่อให้ชาวบ้านได้รับความสะดวกสบายเรื่องระบบน้ำ และไฟฟ้านั้น
นายมานพ ประกอบธรรม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลตะเคียนเตี้ย ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวว่า ที่ผ่านมา เทศบาลฯ ได้ให้การช่วยเหลือและดูแลชาวบ้านในพื้นที่ ม.5 มาโดยตลอด แต่เนื่องจากพื้นที่ที่ชาวบ้านเข้าไปปลูกสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเป็นที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งหมายถึงพื้นที่ที่รัฐมอบให้ประชาชนไว้ใช้ทำการเกษตรเพียงเท่านั้น และไม่สามารถนำไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นได้
“เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านใน ต.ตะเคียนเตี้ย ใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำเกษตรกรรม เพราะมีจำนวนประชาชนกรเพียง 100 กว่าคนเท่านั้น แต่ปัจจุบันกลับพบว่ามีประชาชนบุกรุกพื้นที่ปลูกสร้างบ้านเรือนที่พักอาศัยเพิ่มกว่า 296 ครัวเรือน จึงทำให้มีจำนวนประชากรทั้งสิ้นถึง 1,231 คน กรณีนี้ถามว่าทำไมเทศบาลฯ จึงเพิกเฉยหลังจากทราบว่าบริเวณดังกล่าวมีการเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัยแทนการทำการเกษตร ก็ต้องยอมรับว่าเห็นใจคนไทยด้วยกัน เพราะหากเทศบาลฯ ทำการขับไล่ก็จะเหมือนเป็นการกลั่นแกล้งกัน”
ที่สำคัญที่ดินในหมู่บ้านเป็นที่ดินของสำนักงานปฏิรูปที่ดิน เทศบาลฯ จึงไม่มีหน้าที่ดำเนินการขับไล่ และทำได้เพียงแจ้งไปยังสำนักงานปฏิรูปที่ดินว่า ปัจจุบันมีการบุกรุกเท่านั้น แต่สุดท้ายสำนักงานปฏิรูปที่ดินกลับไม่ดำเนินการใดๆ จนเกิดปัญหาการร้องเรียนขึ้น
นายมานพ ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องการพัฒนาถนนหนทางนั้น ที่ผ่านมา เทศบาลฯ ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนในพื้นที่ เพียงแต่การดำเนินการใดๆ จะต้องได้รับการตอบรับ หรือคำยืนยันจาก ส.ป.ก.ก่อนว่าเป็นทางสาธารณประโยชน์และอนุญาตให้เทศบาลฯ เข้าทำการพัฒนาได้หรือไม่ เพราะหากทางเทศบาลฯ ดำเนินการโดยพลการ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จะทำการตรวจสอบและหากพบว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก.ไม่ใช่ที่ดินในความดูแลของเทศบาลฯ ก็อาจถูกเรียกเงินคืนได้
“ขณะนี้เทศบาลฯ ได้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับชาวบ้านแล้ว พร้อมทำเรื่องชี้แจงไปยังสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อให้เข้ามาดำเนินการกับชาวบ้านทั้ง 296 ครัวเรือนที่บุกรุกและขายสิทธิในที่ดิน ส่วน ส.ป.ก.จะดำเนินการอย่างไรต่อไปคงเป็นเรื่องที่จะพิจารณากันเอง และเทศบาลฯ คงไม่สามารถทำอะไรได้ และยังคงต้องดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ม.5 เช่นเดิม” นายมานพ กล่าว


