แม่ค้าตลาดรถไฟฯ ลำปางผวาโดนลอยแพ หลังเทศบาลฯ เก็บค่าเช่าแต่ไม่จ่าย ร.ฟ.ท.จนถูกเลิกสัญญา

ลำปาง - พ่อค้าแม่ค้าตลาดรถไฟนครลำปางหวั่นถูกลอยแพ หลังเทศบาลเบี้ยวค่าเช่ามาตั้งแต่ปี 59 จนรถไฟบอกยกเลิกสัญญาเช่า 1 ก.ย.นี้ พร้อมกำหนดให้ขนย้ายทรัพย์สินบริวารออกหมดมิฉะนั้นจะฟ้องขับไล่

ขณะนี้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ค้าขายในตลาดรถไฟนครลำปางต่างเริ่มไม่สบายใจ และเริ่มรวมตัวกันเพื่อหาทางออกให้กับตัวเอง เนื่องจากหวั่นว่าจะถูกลอยแพ-ไม่มีที่ทำมาหากินอีกต่อไป หากการรถไฟฯ ยกเลิกสัญญาเทศบาลนครลำปาง และให้ย้ายออก เพราะทุกคนยังไม่มีที่ทำมาค้าขายใหม่

และก่อนหน้านี้พ่อค้าแม่ค้าทุกรายก็ไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อน เพราะเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 61 ที่ผ่านมา เทศบาลนครลำปางได้เชิญพ่อค้าแม่ค้าตลาดรถไฟร่วมประชุมพร้อมระบุว่าจะต่อสัญญาครั้งละ 3 ปี เริ่มปี 2560, 2561, 2562 และเทศบาลฯ จะเข้ามาปรับปรุงรื้อถอนเพิง ผนัง หลังคา สิ่งที่ไม่สวยงามออก และจะมีการมาวัดพื้นที่ค้าขาย แต่ขอขึ้นค่าเช่าประมาณ 50% ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าก็เห็นด้วยและยินยอมให้ขึ้นราคา เพราะเห็นว่าจะได้มีการปรับปรุงตลาด แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเข้ามาทำอะไรเลยจนถึงวันนี้ และเพิ่งทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่าการรถไฟฯ จะยกเลิกสัญญาให้เช่าพื้นที่ ทำให้ทุกคนตกใจกันมาก

ทั้งนี้ หลังจากกระแสข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไปได้มีการแสดงความคิดเห็นและแชร์ข่าวกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีทั้งพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในตลาด และบรรดาลูกค้าที่ชอบไปนั่งรับประทานอาหารหลากหลายในตลาดแห่งนี้ ต่างก็เสียดายหากตลาดรถไฟจะต้องปิดตัวไปจริงๆ บางคนถึงขั้นชักชวนกันไปกินอาหารที่ตนเองกินประจำ ก่อนที่จะไม่ได้กินอีก

สำหรับกรณีดังกล่าว การรถไฟฯ ได้มีหนังสือถึงนายกเทศมนตรีนครลำปาง เรื่องยกเลิกสัญญาเช่าที่ดินที่สถานีรถไฟลำปาง อ้างถึงหนังสือที่ส่งมาก่อนหน้านั้น ระบุว่า การรถไฟฯ ได้แจ้งเตือนให้เทศบาลนครลำปาง ชำระค่าเช่า ค่าต่างๆ รวมเป็นเงิน 1,762,668 บาท พร้อมลงนามสัญญาเช่าที่ดิน เพื่อจัดทำสถานที่จำหน่ายของที่ระลึก อาหาร และสินค้าพื้นเมืองของจังหวัดลำปาง ที่สถานีลำปาง ภายใน 7 วัน

แต่ปรากฏว่า หลังจากได้รับหนังสือเมื่อ 4 มี.ค. 62 เทศบาลฯ ก็ไม่ได้ชำระค่าเช่า ค่าต่างๆ ให้ครบถ้วน จึงถือว่าเทศบาลฯ ไม่ประสงค์ที่จะเช่าอีกต่อไป ดังนั้นจึงขอบอกเลิกสิทธิการเช่าที่ดินดังกล่าวกับเทศบาลนครลำปาง นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2562 เป็นต้นไป และขอให้เทศบาลฯ นำเงินค่าเช่า ค่าต่างๆ ดังนี้
1. ค่าเช่าปีที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2559 ถึง 31 ส.ค. 2560 เป็นเงิน 559,096 บาท
2. ค่าเช่าปีที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2560 ถึง 31 ส.ค. 2561 เป็นเงิน 587,065 บาท
3. ค่าเช่าปีที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2561 ถึง 31 ส.ค. 2562 เป็นเงิน 616,047 บาท

รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,762,568 บาท ไปชำระที่ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน การรถไฟฯ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ส.ค. 62 และขอให้เลิกใช้ประโยชน์พร้อมขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกจากพื้นที่เช่าของการรถไฟฯ ภายในวันที่ 31 ส.ค. 62 หากไม่ดำเนินการภายในกำหนด การรถไฟฯ จะใช้สิทธิดำเนินการฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหายจากเทศบาลฯ ต่อไป

และล่าสุดเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นายกิตติภูมิ นามวงศ์ นายกเทศมนตรี ต้องการยกเลิกสัญญาและไม่ยินยอมชำระค่าเช่า ค่าต่างๆ ให้กับการรถไฟฯ โดยมีการทำหนังสือถึงผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน การรถไฟแห่งประเทศไทย ว่าอายุสัญญาเช่าได้สิ้นสุดตั้งแต่ 31 ส.ค. 59 ตามบันทึกในสัญญาเช่าที่ดินเลขที่ 901590007(ครั้งที่สิบเอ็ด) ลงวันที่ 8 มิ.ย. 59 เมื่อการรถไฟฯ ไม่ได้พิจารณาต่ออายุสัญญาเช่าให้กับเทศบาลฯ และเทศบาลฯ ก็ไม่ได้เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่เช่าดังกล่าว นับแต่วันที่ครบสัญญาเช่า จึงมีผลให้สัญญาเช่าดังกล่าวสิ้นสุดลง...และเมื่อสัญญาเช่าในสัญญาสิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 59 กองคลังเทศบาลฯ ก็ได้หยุดดำเนินการเก็บค่าเช่าที่ในพื้นที่ตามสัญญา และไม่ได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ในสัญญาเช่าอีกต่อไป


ซึ่งประเด็นดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ปรากฏว่าไม่ตรงกับที่เทศบาลอ้าง


อย่างไรก็ตาม พ่อค้าแม่ค้าตลาดรถไฟนครลำปางต่างระบุว่า กรณีที่เทศบาลฯ อ้างว่าไม่มีการเก็บค่าเช่า และไม่ได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ในสัญญาเช่า ตั้งแต่ 31 ส.ค. 59 นั้นไม่เป็นความจริง เพราะยังคงมีการเก็บค่าเช่าแผงมาตลอด พร้อมนำใบเสร็จ ซึ่งเป็นของเทศบาลฯ มายืนยัน ซึ่งบางบิลยังเป็นปี 2562 ที่เก็บย้อนหลังในปี 2560 อีกด้วย

ขณะนี้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้ากำลังจะประชุมกันว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร เพราะพ่อค้าแม่ค้าในตลาดรถไฟมีจำนวนมาก หากไม่มีที่ทำมาหากินทุกคนก็คงตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน