กำแพงเพชร – ประธานบริษัทสิงห์โตทองฯ-เถ้าแก่ค้าข้าวยักษ์ใหญ่เมืองกล้วยไข่ ตามทวงหนี้ อคส. ระบุค้างค่าเช่าคลัง-ค่าแรงกรรมกร โครงการจำนำข้าวเป็นเงินกว่า 400 ล้าน ประกาศสงวนสิทธิ์ห้าม อคส.ย้ายข้าวค้างสต็อกในโกดัง
นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย ประธานบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จํากัด ได้ร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกำแพงเพชร สุดสัปดาห์นี้อีกครั้ง เพื่อเรียกร้องให้องค์การคลังสินค้า หรือ (อคส.) ชำระค่าเช่าคลังสินค้าเก็บข้าวสาร-ค่าแรงกรรมกร รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 436,949,191 บาท
โดยระบุว่า ตามที่ อคส.อนุมัติให้เช่าคลังสินค้าบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อเก็บข้าวสารของ อคส. จำนวน 15 หลัง เพื่อนำข้าวสารตามโครงการรับจำนำข้าวในโครงการต่างๆไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจำนำข้าวนาปี-นาปรัง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 - 2556 และได้นำข้าวในคลังไปจำหน่ายจนเกือบหมดแล้ว แต่ยังเพิกเฉยไม่มาชำระค่าเช่ากับบริษัทฯ เป็นเงิน 222,4774,596 บาท และค่าแรงกรรมกรอีกจำนวน 8,073,270 บาท เป็นเงิน 232,847,866 บาท
นอกจากนี้คลังสินค้า A1 กับ A6 ทั้งสองหลัง ตั้งแต่องค์การคลังสินค้าได้นำข้าวมาเก็บไว้ในโกดังจนเต็ม ผ่านมา 5 ปี ก็ไม่ทำสัญญาเช่าคลัง ทั้งที่ทางบริษัทฯได้มีหนังสือติดตามทวงถามหลายครั้ง จนบัดนี้ก็ยังไม่ดำเนินการแต่อย่างใด จนติดค้างค่าเช่า อีก 113,461,325 บาท
นายมนต์ชัย ระบุว่ารัฐบาลที่ผ่านมา มีนโยบายให้เร่งระบายข้าวค้างในสต็อกทั่วประเทศให้หมด และเมื่อวันที่ 12-19 ก.ค.62 ที่ผ่านมา อคส.เปิดโอกาสให้ผู้สนใจประมูลได้เข้าดูข้าวในสต็อกตามคลังสินค้าที่เหลืออยู่ รวมทั้งข้าวในคลังสินค้าของบริษัทฯ จำนวน 140, 000 ตัน
โดยจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นผู้เสนอซื้อ ในวันที่ 22-23 ก.ค.62 และในวันที่ 24 ก.ค.62 จะตรวจดูรายชื่อผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วนได้ทางเว็บไซต์ แล้วสามารถยื่นซองเสนอซื้อได้ในวันที่ 25 ก.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 น.-12.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 6 องค์การคลังสินค้าจังหวัดนนทบุรี
ซึ่งการประมูลดังกล่าวนั้นทางบริษัทสิงโตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ส่งหนังสือโต้แย้งคัดค้านการประกาศประมูลข้าวและแจ้งให้ชำระค่าเช่าคลังสินค้าและค่าแรงกรรมกร พร้อมจัดทำหนังสือสัญญาเช่าคลังสินค้า และบันทึกต่อท้ายสัญญาเช่าคลังสินค้าให้ได้ข้อยุติเสียก่อน เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ให้ความเป็นธรรม กับบริษัทและถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบด้วยกฎหมาย ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
ดังนั้นทางบริษัทได้ขอสงวนสิทธิ์ยึดหน่วงข้าวค้างสต็อกทั้งหมดไว้ในโกดังคลังสินค้า และได้ดำเนินการตามกฎหมาย ติดประกาศเป็นเขตพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาด-ห้ามบุคคลภายนอกเข้าออกในพื้นที่บริเวณคลังสินค้าดังกล่าว ห้ามขนย้ายข้าวสารออกไปจากคลังสินค้าโดยเด็ดขาด เนื่องจากคลังสินค้า(อคส.) ยังไม่ได้รับค่าเช่าและสัญญาเช่าพื้นที่จาก (อคส.) ซึ่งยังไม่มีข้อยุติ
นอกจากนี้ทั้งผู้เสียหายได้โชว์ภาพถ่ายกองข้าว กว่า 30,000 กระสอบ ในความดูแลของ อคส. ที่เน่าเสียหาย คิดเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท พร้อมเรียกร้องให้ สตง.-ผู้เกี่ยวข้อง มาตรวจสอบข้าวเน่า เพื่อหาคนรับผิดชอบรวมทั้งขอให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการ และลงมาตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการที่รอวันเจ๊งด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.62 ที่ผ่านมา หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ได้มีการประชุมหารือร่วมกัน ซึ่งนายคมกิจ ขวัญทิพย์ธนสาร รักษการ ผอ.สำนักนโยบายสังคม ที่เป็นตัวแทน อคส. ชี้แจงว่ามีการเช่าคลังสินค้าบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจํากัด และได้นำเสนอปัญหาที่ไม่สามารถดำเนินการทำสัญญาเช่า-เบิกจ่ายค่าเช่าคลังสินค้าได้ เนื่องจากเป็นการทำสัญญาย้อนหลัง ประกอบกับมีการเปลี่ยนผู้บริหาร (อคส.) ด้วย
อย่างไรก็ตามได้มีการยื่นหารือไปยังสำนักอัยการสูงสุด และกรมบัญชีกลาง พิจารณาว่า การเช่าถือว่าเป็นการจัดซื้อจัดจ้าง และปัจจุบันมีพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ที่ใช้บังคับองค์การคลังสินค้าด้วย ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างรอผลวินิจฉัยของคณะกรรมการ