สระแก้ว - โผล่อีก ขยะอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์กว่า 10 ตัน บริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดสระแก้ว ทำ ผวจ.สั่งหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบด่วน ก่อนเรียกประชุมหาข้อสรุปการลักลอบนำขยะของกลางขายร้านค้าของเก่า รวมทั้งขยะใหม่ที่พบ
จากกรณีที่มีการลักลอบนำขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะอุตสาหกรรมมากกว่า 300 ตัน เข้ามาทิ้งบริเวณเชิงเขาซับพลู-เขาภูหีบ ซึ่งเป็นเขตป่าอนุรักษ์ จ.สระแก้ว นานกว่า 2 เดือน จนทำให้หลายหน่วยงานในพื้นที่ต้องเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง จนทราบถึงที่มาของขยะ และออกคำสั่งให้บริษัท ซันเทค เมททัล จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของขยะให้นำรถบรรทุกพ่วงเข้ามาขนย้ายออกจากพื้นที่เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ในการขนย้ายวัตถุอันตรายออกจากพื้นที่ ในวันที่ 2 กลับพบความผิดปกติในหลายประการ และยังพบว่า มีรถบรรทุกพ่วงบางคันนำขยะไปขายให้แก่ร้านรับซื้อของเก่า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นขยะที่ถูกลอบนำมาทิ้งใน อ.วังน้ำเย็น หรือไม่นั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (19 ก.ค.) นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้รับแจ้งจากชาบ้านในพื้นที่ ม.1 บ้านคลองนางชิง อ.เมืองสระแก้ว ว่ามีการลักลอบทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะอุตสาหกรรม บริเวณบ้านคลองนางชิง ม.1 จึงมอบหมายให้ นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ปลัดจังหวัดสระแก้ว นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ
โดยพบจุดที่มีขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะอุตสาหกรรม ทั้งซากทีวี จอคอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า หลอดไฟ อยู่ภายในบ้านเลขที่ 129/6 ม.1 ที่มีลักษณะเป็นบ้านพักปูนชั้นเดียว มีโครงหลังคาเหล็ก และได้รับแจ้งจาก นายสมจิตร์ จันทร์คูน อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 บ้านคลองนางชิง ว่า เจ้าของบ้านออกไปหาซื้อของเก่า จึงได้โทรศัพท์แจ้งให้กลับเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบ
และยังพบว่าห่างออกไปอีกประมาณ 50 เมตร มีกองขยะอิเล็กทรอนิกส์นับ 10 ตัน ถูกนำไปทิ้งในบ่อน้ำขุดซึ่งอยู่ในที่ดินของเจ้าของรายเดียวกันอีกด้วย
นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ปลัดจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของ นางรัชดาพร จันทร์มณี อายุ 50 ปี ซึ่งใช้บ้านเป็นสถานที่ประกอบการโดยไม่มีการขออนุญาตเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ค้าของเก่า จึงมอบหมายให้นายอำเภอเมือง ดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.ค้าของเก่า ส่วนอีกข้อหนึ่งที่เกี่ยวข้องคือ พ.ร.บ.สาธารณสุข ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเกษม จะต้องเข้าตรวจสอบว่า มีข้อบัญญัติห้ามประกอบกิจการอันตรายแก่ประชาชนหรือไม่
“จากนี้จะให้องค์การบริหารส่วนตำบลท่าเกษม ออกคำสั่งเจ้าพนักงานให้เจ้าของหยุดกิจการ และสั่งให้จัดเก็บเศษวัสดุต่างๆ ที่นำไปทิ้งไว้ที่บ่อและภายในบ้าน ให้แล้วเสร็จใน 15 วัน เนื่องจากยังไม่รู้ว่าจะเป็นอันตรายต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมหรือไม่ เพื่อป้องกันน้ำฝนชะสารเคมีลงดิน ซึ่งเจ้าของขยะจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนด ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีอีก 1 ข้อหา”
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ผ่านมา นายวิชิต ชาติไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้เรียกประชุมด่วนเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าปัญหาการนำขยะอุตสาหกรรมของกลางจากพื้นที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ลักลอบส่งขายให้แก่ร้านรับซื้อของเก่าใน อ.เมืองสระแก้ว และการพบขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากที่ อ.เมืองสระแก้ว เพื่อตรวจหาข้อเท็จจริงก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป