xs
xsm
sm
md
lg

จีนเริ่มเปิดเขื่อนปล่อยน้ำเพิ่มแล้ว แต่ท้ายน้ำโขงยังแห้งหนักสุดรอบ 10 ปี-เรือจอดรอเป็นตับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สามเหลี่ยมทองคำ/เชียงราย - สป.จีนเริ่มเปิดเขื่อนจิ่งหงระบายน้ำเพิ่ม แต่มวลน้ำยังไหลไม่ถึงสามเหลี่ยมทองคำ ทำท้ายน้ำแห้งหนักสุดรอบ 10 ปี เรือสินค้ากินน้ำลึกต้องจอดรอมวลน้ำกันเป็นแถว

หลังกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีนลดการระบายน้ำจากเขื่อนจิ่งหงเหลือเพียง 504-600 ลบ.ม./วินาที ระหว่างวันที่ 5-16 ก.ค.ที่ผ่านมา จากเดิมที่เคยระบายน้ำ 1,050-1,250 ลบ.ม./วินาที หรือลดลงกว่า 50% เพื่อซ่อมแซม-ปรับปรุงเขื่อนนั้น ล่าสุดเมื่อ 17 ก.ค.ทางการจีนได้เริ่มปล่อยน้ำลงมาในปริมาณมากเท่าเดิมแล้ว แต่มวลน้ำก็ยังไม่มาถึงสามเหลี่ยมทองคำ-น้ำโขงชายแดนไทย

ขณะที่น้ำโขงแถบสามเหลี่ยมทองคำแห้งลงอย่างหนัก เรือสินค้าจีนที่มีระวางบรรทุกระดับ 200-300 ตัน ซึ่งขนส่งสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั้ง สปป.ลาว พม่า และจีนตอนใต้ พากันจอดรออยู่ที่ท่าเรือ อ.เชียงแสน เพื่อรอน้ำขึ้น มีเพียงเรือสินค้าสัญชาติ สปป.ลาวที่กินน้ำตื้นและมีระวางบรรทุกน้อยกว่าเท่านั้นที่แล่นไปมาได้

นายสุรนาท ศิริโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงราย เปิดเผยว่า การลดการระบายน้ำดังกล่าวทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดลงประมาณ 50-60 ซม. จนแม่น้ำโขงหน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสนลึกระหว่าง 1.88-1.92 เมตร ซึ่งยังสามารถเดินเรือได้ตามปกติ ทำให้การค้าขายทางเรือก็ยังคงมีอยู่ และจากการที่มีการเริ่มทยอยเปิดน้ำจากเขื่อนลงมาแล้ว จึงคาดว่าภายใน 2-3 วันนี้มวลน้ำจะไหลถึงเขตแดนไทยและทำให้การสัญจรทางน้ำคึกคักเหมือนเดิม

ด้านนายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตและผู้ประสานงานเครือข่ายอนุรักษ์แม่น้ำโขงภาคเหนือ กล่าวว่า สาเหตุที่แม่น้ำโขงแห้งในปีนี้เกิดจาก 2 ปัจจัย สภาวะฝนทิ้งช่วง และจีนลดการระบายน้ำจากเขื่อน ซึ่งยิ่งทำให้น้ำโขงแห้งลงมากขึ้น

“จากการลงพื้นที่ตรวจสอบน้ำโขงใน 3 อำเภอของเชียงราย คือ อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น พบว่าแล้งยิ่งกว่าเหตุการณ์แม่น้ำโขงแห้งเมื่อปี 2551 เสียอีก และอาจจะรุนแรงแรงกว่าด้วย เพราะปี 51 เกิดขึ้นในฤดูแล้งช่วงเดือน เม.ย. แต่ปี 62 นี้กลับเกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.ค.ซึ่งเป็นฤดูฝนด้วยซ้ำ”

ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของแม่น้ำโขงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงฤดูวางไข่ของปลา โดยปลาจะทวนกระแสน้ำขึ้นไปวางไข่ตามแม่น้ำสาขา เช่น แม่น้ำกก แม่น้ำอิง ฯลฯ แต่เมื่อน้ำแห้งก็ทำไม่ได้ รวมทั้งยังเป็นผลทำให้พืชน้ำที่เป็นอาหารปลาตายจนไม่อาจประเมินได้ว่าจะฟื้นคืนกลับมาในปีถัดไปได้หรือไม่

นายสมเกียรติกล่าวอีกว่า ดังนั้น เครือข่ายฯ จึงได้เร่งรวบรวมข้อมูลความเสียหายเสนอต่อรัฐบาลไทยและจีน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยวางแนวทางข้อเสนอไว้ 3 แนวทาง คือ การสำรวจความเสียหายในรอบ 23 ปีนับตั้งแต่มีการก่อสร้างเขื่อนทั้งใหม่เก่าในจีน การทบทวนการพัฒนาอนาคต และการพื้นฟูร่วมระหว่างภาครัฐ-ภาคประชาชนลุ่มแม่น้ำโขง

ด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย และนักธุรกิจลุ่มแม่น้ำโขง เปิดเผยว่า เรือในแม่น้ำโขงกินน้ำลึกแตกต่างกันไป โดยเรือท่องเที่ยว เช่น เรือกาสะลองคำ1 กินน้ำลึก0 .80 เมตร เรือกาสะลองคำ 2 กินน้ำลึกแค่ 0 .90 เมตร ไม่ถึง 1 เมตร เรือแม่น้ำโขงเดลต้า 0.90 เมตร เรือพันดาว 2 .5 เมตร เรือท่องเที่ยวจีน 1.7 เมตร ส่วนเรือสินค้าในน้ำโขงมีอยู่ 2 สัญชาติหลักๆ คือ เรือสัญชาติ สปป.ลาว ที่มีระวางบรรทุก 80-120 ตัน จะกินน้ำลึกประมาณ 0.80-1 เมตรเท่านั้น แต่เรือสินค้าจีนกินน้ำลึก 2 เมตรขึ้นไป

ขณะที่แม่น้ำโขงที่จุดที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรือหลายจุด เช่น มองป่าแหลวชายแดนประเทศพม่า-สปป.ลาว ที่มีสภาพเป็นหาดทรายกว้าง และตื้นเขินที่สุดในแม่น้ำโขง, แก่งตังปัง ที่เป็นแก่งหินที่น้ำไหลเชี่ยวและต่างระดับ ทำให้เรือต้องช่วยกันฉุดดึงให้พ้นแก่ง เป็นต้น

ซึ่งช่วงที่แม่น้ำโขงแห้งที่ผ่านมาได้ทำให้แม้แต่เรือสัญชาติ สปป.ลาวก็ไปติดอยู่ที่แก่งตังปังเกือบ 30 ลำ แต่ล่าสุดเมื่อมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนลงมามากกว่า 900 ลบ.ม./วินาที ได้ทำให้เรือลาวแล่นผ่านได้ทั้งแก่งตังปังและมองป่าแหลวแล้ว แต่สำหรับเรือสินค้าจีนยังคงลอยลำอยู่ที่ อ.เชียงแสน รอให้มวลน้ำจากเขื่อนมาถึงมากกว่านี้เพื่อให้สามารถแล่นผ่านบริเวณมองป่าแหลวไปให้ได้

กำลังโหลดความคิดเห็น