ศูนย์ข่าวศรีราชา - เทศบาลตำบลเกาะสีชัง เตรียมจับ-ปรับผู้ลักลอบทิ้งปฏิกูลและของเสียลงทะเลอย่างจริงจัง ตามมาตรา 17 เริ่ม 29 ส.ค.นี้ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด
วันนี้ (9 ก.ค.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นประธานเปิดการประชุมเตรียมการใช้มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บริเวณพื้นที่เกาะสีชังและอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีนายวิสิษฎ์ พวงเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายกเทศมนตรีตำบลเกาะสีชัง คณะผู้บริหาร กลุ่มผู้ประกอบขนส่งสินค้าทางทะเล กลุ่มผู้ประกอบการเรือประมง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ ณ ห้องประชุมแปซิฟิค 1 โรงแรมเดอะไทด์ ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยว่า ปัจจุบัน ปัญหาสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่เกาะสีชัง และอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เริ่มมีปัญหารุนแรง เนื่องจากมีการลักลอบทิ้งของเสียลงทะเล สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสถานภาพความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งบริเวณดังกล่าว โดยหากปล่อยทิ้งไว้จะสร้างความเสียหายเพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญส่งผลกระทบต่อด้านเศรษฐกิจและสังคมบริเวณพื้นที่โดยรอบ และในภาพรวมของประเทศ
จากปัญหาดังกล่าว หลายหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ได้เสนอเรื่องถึงกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยได้พิจารณาวิเคราะห์ถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น จึงมีประกาศมาตรา 17 มาบังคับใช้ คือ ห้ามเท ทิ้ง ระบาย ของเสีย น้ำเสีย ขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล หรือสิ่งอื่นใด ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมลงสู่ทะเลบริเวณที่กำหนดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้
สำหรับการประกาศใช้มาตรา 17 นั้น เป็นการประกาศใช้ชั่วคราว ในระยะเวลา 2 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการต่างๆ ปฏิบัติการอย่างเคร่งครัดตามมาตรการที่บังคับใช้ แต่หากการดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ก็ต้องเพิ่มมาตรการที่รุนแรงต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าผู้ประกอบการคงให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามอย่างแน่นอน
ด้านนายกเทศมนตรีตำบลเกาะสีชัง กล่าวว่า หลังจากนี้จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางกำลังเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าระวังตรวจสอบอย่างเคร่งครัดกับเรือสินค้าทุกลำที่เข้าออกบริเวณดังกล่าวในพื้นที่กว่า 130,000 ตารางเมตร เพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด โดยหากมีหลักฐานชัดเจนก็จะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดต่อไป