กาฬสินธุ์ - ผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เหตุปล่อยตั้งโรงงานผลิตยาลดความอ้วนและอาหารเสริมเถื่อนส่งขายนานหลายปี ย้ำหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ในจังหวัดกาฬสินธุ์เอี่ยวจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
ความคืบหน้าคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง บุกทลายโรงงานผลิตอาหารเสริมของ นางวสภัสสร สุลำนาจ ตั้งอยู่เลขที่ 65 หมู่ที่ 7 ต.สงเปลือย อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงยาลดความอ้วนที่ หญิงวัย 30 ปี ชาวจังหวัดอ่างทอกินจนเสียชีวิต ซึ่ง พล.ต.ท.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. นำกำลังบุกทลายและทำการอายัดผงและเม็ดยาของกลางจำนวนหลายล้านเม็ด ก่อนที่จะนำตัวนางวสภัสสรไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยแจ้งข้อกล่าวหารวมทั้งหมด 7 ข้อหา
ล่าสุดวันนี้ (9 ก.ค.) นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า คดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญ และประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก โดยเบื้องต้นข้อสังเกตที่จะต้องทำการขยายผลคงต้องตรวจสอบย้อนหลังไปยังโรงงาน ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตยาลดความอ้วนและอาหารเสริมนั้น ตามคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาว่าในพื้นที่หน่วยงานใดหรือใครปล่อยให้มีการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะจากข้อมูลเบื้องต้นคำให้การของผู้ต้องหาอ้างว่าได้มาประกอบกิจการเกือบ 4 ปีแล้ว แต่เพิ่งจะผ่านการอนุญาตจาก อย.ให้ตั้งเป็นโรงงานผลิตอาหารชื่อบริษัท ดี.ดี.คอสเมด จำกัด โดยผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานใดในพื้นที่และได้ส่งเอกสารเพื่อให้อนุญาตได้อย่างไร ใครเกี่ยวข้องบ้าง
สิ่งที่น่าสนใจคือ กรณีการปล่อยให้ตั้งเป็นโรงงานเกิดขึ้นได้อย่างไร และให้มีการผลิตแล้วส่งขายนานหลายปีได้อย่างไร ทำไมถึงไม่มีการตรวจสอบจากผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งคงต้องดูแลในเรื่องของ อย. รวมไปถึงการคุ้มครองผู้บริโภค อีกทั้งการตั้งโรงงานเป็นตัวบ้านติดถนนในด้านปกครอง หรือตำรวจพื้นที่มีข้อมูลในกรณีนี้อย่างใด
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์กล่าวต่อว่า ข้อสังเกตทั้งหมดได้สั่งการให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทั้งหมดหาคำตอบที่ชัดเจนมาให้ได้ เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับปากท้อง มีการหลอกขายยาปลอมมายาวนานถึง 4 ปี แต่ปล่อยให้มีการประกอบกิจการเช่นนี้ได้อย่างไร
ซึ่งคงต้องใช้เวลา และในขณะนี้สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง (ชุดพิเศษ) ของทางจังหวัดเข้าทำการสอบสวนอย่างเร่งด่วน และหากมีใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดตามกฎหมายต่อไป
