xs
xsm
sm
md
lg

ตร.นัดคู่กรณีคุยพร้อมหน้าเคลียร์คดีเด็กชายวัย 13 ซิ่งบิ๊กไบค์ชนกระจาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - คืบหน้ากรณีเด็กชายวัย 13 ปีขี่บิ๊กไบค์เกิดอุบัติเหตุชนกระเด็นที่เชียงใหม่ ตร.นัดคู่กรณีทุกฝ่ายสอบปากคำและพูดคุยพร้อมกันพรุ่งนี้ (10 ก.ค. 62) โดยฝ่ายรถจักรยานยนต์และรถยนต์ที่ถูกชนยังไม่ขอให้รายละเอียด




ความคืบหน้าของคดีเด็กชายวัย 13 ปีขับขี่บิ๊กไบค์ 1000 ซีซี เกิดอุบัติเหตุชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทาง พ.ต.ท.อนุชิต อุ่นใจ พนง.สอบสวน สภ.สันกำแพง ร้อยเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า ได้นัดคู่กรณีทั้งสามฝ่ายมาให้ปากคำเพื่อประกอบสำนวนคดีในเวลา 18.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค. 62) เนื่องจากในส่วนของผู้ปกครองเด็กชายวัย 13 ปีต้องดูแลลูกชายที่เข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง

ส่วนคู่กรณีที่ขับขี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์อีกหนึ่งคันก็สะดวกที่จะมาให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ในเวลาดังกล่าว โดยยืนยันว่ายังไม่มีการเจรจาพูดคุยใดๆ กับทั้งสามฝ่าย แต่ทางเจ้าที่ตำรวจก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งภาพถ่ายและซากรถทั้งสามคันรวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดหน้ารถที่มีการโพสต์เผยแพร่ในโลกออนไลน์ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีคลิปจากกล้องหน้ารถของรถยนต์อีซูซุ มิวเอ็กซ์ที่ถูกชน ซึ่งตอนนี้เมมโมรีการ์ดก็ได้อยู่ที่ตำรวจแล้ว

ด้านคู่กรณีในส่วนของรถจักรยานยนต์ที่ถูกชนอย่างแรงมีผู้ขับขี่และคนซ้อนเป็นหญิงอายุ 60 ปี และ 63 ปี โดยทั้งสองคนยังไม่สะดวกที่จะเปิดเผยข้อมูลหรือให้สัมภาษณ์ใดๆ บอกแต่เพียงว่ายังอยู่ในอาการตกใจหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงขนาดที่ว่าไม่อยากออกไปบนท้องถนนหรือขับขี่รถในช่วงนี้เลย จึงขออนุญาตที่จะไปให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันพรุ่งนี้เพียงครั้งเดียว

ส่วนเจ้าของรถยนต์อีซูซุ มิวเอ็กซ์ สีขาว ซึ่งเป็นอีกคันที่ได้รับความเสียหายจากรถจักรยานยนต์ที่เสียหลักไปพุ่งชนอย่างแรงจนทำให้ด้านหน้าของรถพังเสียหายยับเยินนั้น คนขับรถซึ่งเป็นผู้หญิงที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ เล่าว่า ตนขับรถมาบนถนนสายดังกล่าวมุ่งหน้าออกทางนอกเมือง โดยรถของตนชิดทางเลนด้านซ้ายจากถนนที่กว้างถึงสี่เลน แต่ช่วงเกาะกลางถนนมีกรวยกั้น ทั้งนี้ตนเดินทางมาพร้อมกับลูกชายวัย 10 ขวบ และเพื่อนของลูกชายอีกคนกลับจากการไปส่งเด็กๆ ซ้อมฟุตบอล และกำลังพูดคุยกันว่าจะแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อที่จะไปหาอะไรกิน

ระหว่างนั้นได้ยินเสียงดังจากแรงกระแทกอย่างแรงจนทำให้ถุงลมนิรภัยด้านหน้ารถทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสารด้านข้างทำงาน ขณะนั้นมีเด็กสองคนที่อยู่ในรถ ซึ่งเพื่อนของลูกชายที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกจนหัวปูดบวม คาดว่าอาจจะไปกระแทกกับคอนโซลด้านหน้ารถ ส่วนลูกชายของตนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ซึ่งทันทีที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนได้กลิ่นควันขึ้นภายในรถก็เกรงว่าเด็กๆ จะได้รับอันตรายจึงรีบลงจากรถแล้วพาเด็กๆ ออกจากตัวรถไปอยู่ข้างทางก่อน

ทั้งนี้ยังไม่ทันได้สนใจกับเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะนั้นจนกระทั่งตั้งสติได้แล้วเริ่มมีชาวบ้านเข้ามาช่วยเหลือ จึงตั้งสติได้โทร.บอกสามีและโทร.เรียกประกันของรถยนต์ โดยยังไม่ทันได้ไปดูผู้บาดเจ็บรายอื่น เนื่องจากต้องดูแลลูกชายและเพื่อนของลูกชาย ซึ่งอยู่ในอาการตกใจกลัวอยู่ จนกระทั่งกู้ภัยและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจึงพอจะทราบว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรถของตนเองและคู่กรณี

หลังเกิดเหตุรถของตนมีกล้องหน้ารถซึ่งบันทึกภาพไว้อยู่ แต่พบว่ามีคนมากดเอาเมมโมรีออกไป โดยอ้างว่านำไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนและครอบครัวก็ยังไม่เห็นภาพดังกล่าว โดยในวันพรุ่งนี้ก็จะไปให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งและจะไปขอดูภาพจากกล้องหน้ารถของตนเองด้วย

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากฝั่งคู่กรณี ซึ่งทราบว่าน่าจะกำลังอยู่ในช่วงที่ต้องไปดูแลลูกชายที่ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนเรื่องคดีนั้นก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับตนก็ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากต้องไปทำงานซึ่งเป็นงานประจำทุกวันตอนนี้ไม่มีรถใช้ทั้งไปทำงาน และรับส่งลูกชาย






กำลังโหลดความคิดเห็น