ศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยกลุ่มที่ 2 จำนวน 7 คน คดีเพลิงไหม้ศาลากลางมุกดาหาร ช่วงสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 53 เหตุหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักพอรับฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 7 กระทำความผิด
วันนี้ (5 ก.ค.) ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้อ่านคำพิพากษาคดีอาญา หมายเลขดำที่ 2670, 2671 และ 2584/2561 หมายเลขแดงที่ 1030,1031 และ 1032/2562 รวมพิจารณาทั้ง 3 สำนวน ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร เป็นโจทก์ฟ้องนายสมคิด โพธิ์ไทรย์ กับพวกรวม 7 คน ได้แก่ นายบรรญัติ แท่นกลาง นางไกรแก้ว พันนะ นายสนุก บับภาร นายธีระพงษ์ จิตวานิช นายหนูเย็น บุญศรี และนายนันท์ธวัช วะชุม เป็นจำเลย เรื่อง ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง กรณีเผาศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 (วันสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์) โดยศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 7 คน เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันกระทำความผิด
สำหรับจำเลยทั้ง 7 คนดังกล่าว เป็นผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 ซึ่งถูกออกหมายจับและดำเนินคดีภายหลังจากที่ผู้ต้องหากลุ่มแรกจำนวน 13 รายถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้และถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกคนละ 15 ปี
นายอนุสรณ์ โพธิ์ศิริ ทนายความ เปิดเผยว่า เป็นคดีประวัติศาสตร์คดีหนึ่งของพี่น้องชาวจังหวัดมุกดาหาร เป็นคดีต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2553 กลุ่ม นปช.มุกดาหารมีการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต่อสู้กันมาหลายคดี รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 2 หลังจากรุ่นแรกตั้งแต่ปี 2553-2554 วันนี้ศาลได้พิพากษายกฟ้อง ขอขอบคุณทางศาลที่ได้เห็นความเป็นธรรมและความยุติธรรม เพราะว่าพี่น้อง นปช. เสื้อแดงมุกดาหาร ไม่ได้กระทำความผิดตามที่ได้กล่าวหา จากการสืบพยานโจทก์และมีคำพิพากษายกฟ้อง ถือว่าเป็นความโชคดีของพี่น้องคนเชื้อแดงมุกดาหาร
คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 มีการเผายางหน้าศาลากลางจังหวัด ผู้ชุมนุมขอพบผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเจรจาขอตั้งเวทีชุมนุมกดดันรัฐบาลให้ยุติสลายการชุมนุมในกรุงเทพฯ แต่ไม่ประสบผล ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ ปีนรั้วเข้าไปในศาลากลางและลำเลียงยางเข้าไปวางตรงทางเข้า มีการพยายามโยนไฟเข้ากองยาง แต่ก็มีการห้ามปรามและช่วยกันดับไฟ จนกระทั่งมีวัยรุ่นกลิ้งยางเข้าไปใกล้อาคารหลังเก่า จากนั้นก็เกิดไฟลุกแล้วลามอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมและดับไฟ
กระทั่งมีการจับกุมผู้ชุมนุมในที่เกิดเหตุ 16 ราย ในจำนวนนี้มี 1 รายเป็นเยาวชน โดยผู้ชุมนุมหลายรายระบุว่าเจ้าหน้าที่ใช้กระบองทุบตีทำร้ายร่างกายระหว่างจับกุม โดยศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม เม.ย. – พ.ค. 53 (ศปช.) ทั้งหมดถูกควบคุมตัวรวมกันไว้ในรถผู้ต้องขังของตำรวจ บริเวณกลางลานซีเมนต์หน้าอาคารศาลากลางหลังเก่า ซึ่งถูกไฟไหม้ไปแล้ว เป็นเวลา 2 คืน โดยไม่มีการปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ
จากนั้นถูกนำไปขังที่เรือนจำมุกดาหารด้วยข้อหาร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์และบุกรุกสถานที่ราชการ ในจำนวนคนที่ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บและถูกจับกุมในช่วงสลายการชุมนุมทั้ง 16 คน ในที่สุดอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 คน และศาลพิพากษายกฟ้อง 10 คน
ทั้งนี้ ได้มีการตามจับกุมเพิ่มเติมอีกภายหลังมีจำเลยในคดีนี้รวม 29 คน ยกฟ้อง 16 คน ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยกลุ่มแรก 13 คน ๆ ละ 20 ปี ส่วนคดีเยาวชนนั้นขึ้นศาลเยาวชน พิพากษาให้มีความผิดฐานบุกรุกและให้คุมประพฤติ ในระหว่างที่คดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์ นายประคอง ทองน้อย 1 ใน 13 จำเลยได้เสียชีวิตลง
ต่อมา วันที่ 30 ก.ย.2558 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแก้ลดโทษเหลือ 1 ใน 4 คงเหลือโทษจำคุก 15 ปี และเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2560 นายดวง คนยืน ก็ได้เสียชีวิตอีกคน หลังจากถูกเรือนจำส่งมารักษาตัว เนื่องจากเป็นมะเร็งที่ถุงน้ำดีและมะเร็งตับระยะสุดท้าย โดยนางแก้ว คนยืน ผู้เป็นภรรยาได้กล่าวว่าทางเรือนจำจังหวัดมุกดาหารได้ส่งตัวนายดวงมาที่โรงพยาบาลจังหวัดมุกดาหารก่อนนายดวงเสียชีวิตนาน 2 เดือนเศษ