บุรีรัมย์ - ผวาแก๊งหาหินอาละวาดอีก สาว ผจก.โรงแรมชื่อดังบุรีรัมย์โพสต์แฉ จอดรถเก๋งหน้าฟิตเนส ถูกชายปริศนาขับ จยย.ปาหินใส่กระจกแตกเกือบทั้งบาน เผยไม่เคยมีเรื่องกับใครเข้าแจ้ง ตร. พบมีผู้เสียหายแจ้งแล้วเกือบ 10 ราย ทั้งที่จอดริมถนน-หน้าบ้าน เร่งแกะรอยวงจรปิดล่าตัว
วันนี้ (2 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “ธิดารัตน์ สอนปัญญา” ได้โพส์ตข้อความเตือนภัยผู้ใช้รถว่า “ระวังด้วยค่ะ วันนี้กิ๊กซวยไปหน่อย ดันเป็นรถกิ๊ก ส่วนรถอีกคันที่โดนเหมือนกันหน้าอีซูซุ ซึ่งเวลาไล่เลี่ยกัน (กิ๊กน่าจะโดนคันแรก) ขออย่าปล่อยผ่าน กิ๊กเองจะเร่งหาตัวคนทำผิดช่วยตำรวจอีกแรง” พร้อมภาพรถเก๋งที่ถูกคนร้ายปาหินใส่แตกเสียหายเกือบทั้งบานด้วย
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ไปสอบถามข้อมูลจากเจ้าของโพส์ตดังกล่าว คือ น.ส.ธิดารัตน์ สอนปัญญา หรือกิ๊ก อายุ 28 ปี ปัจจุบันเป็นผู้จัดการฝ่ายขายโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงค่ำของวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่ขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กต 8269 บุรีรัมย์ ไปจอดไว้ที่ริมถนนฝั่งตรงข้ามกับร้านฟิตเนสแห่งหนึ่งในซอยแสนสุข ต.ในเมือง อ.เมืองบุรีรัมย์ แล้วเข้าไปออกกำลังกายตามปกติเหมือนทุกวัน
กระทั่งเวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษได้เดินออกจากร้านฟิตเนสเพื่อจะขับรถกลับบ้าน ต้องตกใจเมื่อเห็นกระจกหน้ารถแตกเสียหายเกือบทั้งบาน และเมื่อตรวจสอบรอบรถก็พบก้อนหินขนาดใหญ่ตกอยู่ คาดว่าน่าจะถูกทุบหรือปาหินใส่ จึงได้ไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดร้านซักรีดที่อยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ปรากฏว่าช่วงเวลาประมาณ 19.46 น. วันที่ 30 มิ.ย. มีจักรยานยนต์ต้องสงสัยคันหนึ่งไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ตอนแรกขับมาเลนซ้ายตามปกติ แล้วจู่ๆ ก็เบี่ยงไปเลนขวาใกล้กับจุดที่รถจอดอยู่ ขณะนั้นมีร้านขายของชำฝั่งตรงข้ามได้ยินเสียงดังคล้ายกระจกแตก แต่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงที่คนร้ายใช้ก้อนหินปาใส่กระจกรถ เบื้องต้นได้นำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
น.ส.ธิดารัตน์บอกอีกว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยมีเรื่องกับใคร จึงไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรถึงได้ถูกปาหินใส่กระจกรถจนแตกเสียหาย แต่จากดูแล้วคาดว่าน่าจะเป็นแก๊งวัยรุ่นที่คึกคะนอง หรือพวกโรคจิตที่ชอบปาของใส่รถคนอื่น ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่บอกกับตนเองขณะไปแจ้งความว่ากรณีของตนไม่ใช่เหตุแรกที่เกิด เพราะในวันเดียวกันมีรถถูกปาหินใส่ถึง 3 ราย และก่อนหน้านี้ก็มีคนเข้าไปแจ้งความว่าถูกปากินใส่รถ ทั้งรถเก๋ง และรถกระบะที่จอดไว้ตามริมถนนหรือแม้กระทั่งหน้าบ้านของตัวเองแล้วเกือบ 10 ราย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังเร่งแกะรอยภาพวงจรปิดเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วเพราะเป็นภัยต่อสังคม
ส่วนรถเก๋งของตนเองที่ถูกปากระจกด้านหน้าแตกเสียหาย เบื้องต้นนำไปให้ศูนย์บริการ ตีราคาเพื่อซ่อมกว่า 10,000 บาท นอกจากจะเสียเงินค่าซ่อมรถเองแล้วยังได้รับความเดือดร้อนไม่มีรถขับไปทำงาน ต้องอาศัยรถคนอื่นช่วยรับส่ง จึงอยากฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งติดตามตัวมือปาหินมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะหากปล่อยไว้อาจจะไปสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่คนอื่นอีก