xs
xsm
sm
md
lg

ผบช.ก.ลุยตรวจบ่อดินลูกรังเมืองกาญจน์ เจ้าของโวยโดนกลั่นแกล้ง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กาญจนบุรี - ผบช.ก.ลุยเอง นำตรวจสอบบ่อลูกรังเมืองกาญจน์ เนื้อที่กว่า 150 ไร่ หลังได้รับการร้องเรียนลักลอบขุดโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมรุกที่ป่า ด้านผู้ประกอบการยันถูกกลั่นแกล้ง

เมื่อเวลา 07.00 น.วันนี้ (29 มิ.ย.) พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) พ.ต.อ.กฤษณะ สุขสมบูรณ์ รอง ผบก.ปทส. พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต ผกก.5 บก.ปทส.ร่วมกับ พล.ต.ต.สุวิทย์ ชาวศรีทอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สรรเสริญ แสงเนตรสว่าง ผกก.สภ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี

นายวิวรรธน์ มองเห็นทวีโชค หัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษ กรมป่าไม้ จ.กาญจนบุรี นายอนุชา หอยสังข์ นายอำเภอพนมทวน พร้อมกำลัง เดินทางไปตรวจสอบบ่อลูกรังบนเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ ชื่อบ่อลูกรังเจ๊ ชาติ ตั้งอยู่ท้องที่หมู่ 10 ต.ดอนตาเพชร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี โดยมี น.ส.ปวีณา สายสล้าง หรือเจ๊ชาติ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 314/6 หมู่ 15 ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.กาญจนบุรี เป็นเจ้าของ

โดยเมื่อคณะเจ้าหน้าที่ไปถึง พบรถแบ็คโฮ รวมทั้งรถบรรทุก 10 ล้อ รวมทั้งรถพ่วง 18 ล้อ ประมาณ 8 คัน กำลังขุดลูกรัง รถบรรทุกบางส่วนกำลังบรรทุกลูกรังออกไปส่งให้กับลูกค้า เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดเพื่อรอการตรวจสอบ พร้อมกับควบคุมตัวคนขับทั้งหมดเอาไว้

ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก.และคณะทั้งหมด ได้เดินไปสำรวจพื้นที่โดยรอบที่มีการขุดลูกรังอย่างละเอียด จากนั้นได้ทำการตรวจสอบเอกสาร รวมทั้งตรวจสอบใบอนุญาตในการขุดลูกรังด้วยตนเอง เมื่อ พล.ต.ท.สุทิน ตรวจสอบเอกสารแล้วเสร็จ จึงได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่บูรณาการร่วมกันตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งจากนั้น พล.ต.ท.สุทิน จึงเดินทางกลับ โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต. ปัญญา ปิ่นสุข ผบก.ปทส.เป็นหัวหน้าชุดในการตรวจสอบ

ทั้งนี้ พล.ต.ต. ปัญญา ปิ่นสุข ผบก.ปทส.กล่าวว่า การเข้ามาตรวจสอบบ่อลูกรังในครั้งนี้ เนื่องจาก บก.ปทส.ส่วนกลาง ได้รับการร้องเรียน และเนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาล ในกรณีเรื่องของการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

หลังจากได้รับการร้องเรียน บก.ปทส.ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการตรวจสอบด้วยการยิงพิกัดดาวเทียมก่อนแล้ว ซึ่งเจ้าของบ่อลูกรังที่ถูกร้องเรียนอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์ ดังนั้นวันนี้เราจะเอาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมทำการตรวจสอบยิงพิกัด เพื่อความชัดเจนว่ามีเอกสารสิทธิ์จริงหรือไม่ และถ้ามีเอกสารสิทธิ์จริง เจ้าหน้าที่ก็จะตรวจสอบว่า พื้นที่บ่อลูกรังมีการลุกล้ำเข้าไปในเขตหวงห้ามหรือไม่ แต่ในส่วนของหน่วยงานอื่น พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก.ท่านให้บูรณาการทำงานร่วมกัน

ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ และตำรวจทางหลวง เข้ามาร่วมบูรณาการด้วย โดยในส่วนของตำรวจกองปราบได้ร่วมทำการตรวจยึดรถที่วิ่งออกไปจาก บ่อลูกรัง จุดเกิดเหตุ และสามารถยึดได้ทั้งหมด 8 คัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรถบรรทุก 10 ล้อและรถพ่วง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้นำไปตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่

เบื้องต้นพบว่ารถบรรทุกทั้ง 8 คัน ไม่ได้มีการใช้ผ้าใบปกคลุม เพื่อป้องกันลูกรังตกหล่นลงมาตามท้องถนน จึงมีความผิดอยู่แล้วตาม พรบ.ขนส่ง ซึ่งหากพบกระทำผิดอย่างอื่นเราจะต้องดำเนินคดี ไปทุกตัวบทของกฎหมาย

สำหรับพื้นที่บ่อลูกรังที่ได้รับการร้องเรียน เบื้องต้นมีเนื้อที่ประมาณ 150 ได้ แต่ยังไม่ได้เริ่มทำการตรวจสอบเนื่องจากเพิ่งเดินทางมาถึง ส่วนข้อร้องเรียน คือมีผู้ร้องเรียนเข้าไปยังส่วนกลางว่า ผู้ประกอบการลักลอบตักบ่อลูกรัง โดยไม่ได้รับอนุญาตและ รุกเข้าไปในพื้นที่เขตหวงห้าม แต่ผู้ประกอบการอ้างว่า ได้รับ ใบอนุญาต โดยมีใบ รง.4 ถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบว่า ใบ รง.4 นั้นหมดอายุหรือยัง และใบอนุญาตนั้นตรงตามพื้นที่จริงที่ได้รับอนุญาตให้ขุดลูกรังหรือไม่

พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผบก.ปทส. กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบแปลงที่ดินในวันนี้ ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่รับผิดชอบพื้นที่เข้ามาสำรวจ และให้ผู้ประกอบการที่ครอบครองที่ดินบ่อลูกรัง เป็นผู้นำพาตรวจสอบ โดยให้ตรวจสอบไปตามแนวเขตโดยรอบ ที่เราสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ว่า ผู้ประกอบการมีแนวเขตขุดลูกรังแค่ไหน จากนั้นจะทำการยิงพิกัดดาวเทียม

จากนั้นจะได้นำค่าพิกัดที่วัดไป ไปลงในแผนที่ตามกฎหมาย ว่าพื้นที่ที่ทำบ่อลูกรังนั้นมันอยู่ในเขตพื้นที่ตามกฎหมายหรือไม่ เช่นอยู่ในเขตป่าสงวนหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้ ผู้ประกอบการได้ยื่นเอกสารพื้นที่บ่อลูกรังเป็น นส. 3 ก.มาให้ตรวจสอบ

ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ให้มาตรวจสอบว่าเอกสารที่ผู้ประกอบการนำมาแสดงนั้น เป็นเอกสาร ที่ทางราชการออกให้โดยถูกต้องหรือไม่ และขอบเขตของบ่อลูกรัง นั้นมีการทำเกินแปลง นส.3 ก.หรือไม่ และล้ำเข้าไปในเขตป่า หรือเขตป่าสงวนแห่งชาติตามกฎหมายหรือไม่

สำหรับจุดที่พบรถบรรทุกจอดอยู่ พบชัดเจนว่ามีการเข้าไปตักลูกรัง ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่า จุดรถที่จอดและกำลังตักลูกรังนั้นอยู่ในเขตแปลงที่ดิน นส. 3 ก. หรืออยู่ในเขตที่มันผิดกฎหมาย ซึ่งต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

ด้านน.ส.ปวีณา สายสล้าง หรือเจ๊ชาติ เจ้าของบ่อลูกรัง กล่าวว่า เริ่มทำบ่อลูกรังมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 ตามใบอนุญาต บ่อลูกรังมีเนื้อที่ทั้งหมด 155 ไร่ เป็นเอกสาร นส.3 โดยซื้อต่อจากเจ้าของเดิม การเข้ามาตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ ตนเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากผู้ประกอบการด้วยกัน เพราะเคยโดนเช่นนี้มาโดยตลอด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถตรวจสอบพิกัดแปลงที่ดินบ่อลูกรังดังกล่าวแล้วเสร็จ โดยจะต้องดำเนินการต่อในวันพรุ่งนี้ (30 มิ.ย.62)







กำลังโหลดความคิดเห็น