xs
xsm
sm
md
lg

“โตโยต้าขอนแก่น” มั่นใจยอดขายปี 62 ทะลุ 4,500 คัน โอ่ตลาดเครื่องไฮบริดโตเพิ่ม 3 เท่าตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายกมลพงศ์ สงวนตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด
ศูนย์ข่าวขอนแก่น - โตโยต้าขอนแก่นมั่นใจยอดขายปี 62 ทะลุเป้าขายเกิน 4,500 คันแน่ เหตุเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง พืชเกษตรราคาดีกำลังซื้อสูง ชี้รถเครื่องยนต์ไฮบริดยอดขายโตกว่า 3 เท่าตัว ผู้ใช้มั่นใจนวัตกรรมใหม่ แม้ราคาสูงกว่าเครื่องปกติ

ตลาดรถยนต์กระบะในภาคอีสาน ผู้ใช้รถยนต์มักชื่นชอบกระบะขนาด 1 ตัน ด้วยจุดเด่นที่เป็นรถอเนกประสงค์ ทั้งใช้งานบรรทุกสิ่งของ เป็นรถยนต์นั่งขับไปทำธุระในเมืองก็ได้ ไปเที่ยวต่างจังหวัดก็สะดวก ยอดขายกระบะจึงมีสัดส่วนตลาดมากกว่า 70% ขึ้นไป การช่วงชิงผู้นำตลาดก็ตกอยู่กับ 2 ค่ายหลัก คือ โตโยต้า และอีซูซุ

อย่างไรก็ตาม ระยะหลังพฤติกรรมการใช้รถยนต์ของชาวอีสานหรือผู้ใช้รถในภูมิภาคเริ่มเปลี่ยน เห็นได้จากสัดส่วนยอดขายรถยนต์นั่งได้เข้ามาแชร์ตลาดเพิ่มมากขึ้น การแข่งขันทางการตลาดแต่ละค่ายค่อนข้างหวือหวา มีสีสันเพื่อเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้ก่อนคู่แข่ง

นายกมลพงศ์ สงวนตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ดีลเลอร์จำหน่ายรถยนต์โตโยต้าในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงยอดขายรถยนต์ปี 2561 ที่ผ่านมาของโตโยต้าขอนแก่นว่าทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ทำยอดขายรวมได้กว่า 4,120 คัน จากยอดขายรถยนต์ทั้งจังหวัดขอนแก่นประมาณ 20,000 คัน ซึ่งโตโยต้ามีรถยนต์ครบทุกเซกเมนต์ ทั้งจุดแข็งด้านบริการหลังการขาย จึงเป็นแบรนด์ทางเลือกอันดับต้นๆ ของลูกค้า

ตลาดรถยนต์ขอนแก่นได้รับผลดีจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจพื้นที่ขอนแก่นได้เปรียบในฐานะเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจภาคอีสาน มีความเคลื่อนไหวในโครงการลงทุนของรัฐ การลงทุนเอกชน ตลอดจนการลงทุนในขอนแก่นมุ่งจับตลาดกลุ่มประเทศอนุภาคลุ่มน้ำโขง จึงทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง ที่สำคัญสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวดีขึ้น ทำให้กำลังซื้อโดยรวมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สัดส่วนหนี้เสียของภาคอีสานเองก็ต่ำกว่าภูมิภาคอื่น จึงส่งผลดีต่อบรรยากาศการทำตลาดรถยนต์ในจังหวัดขอนแก่น

โตโยต้า C-HR รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด แม้ราคาสูงกว่าแต่ก็ขายดีกว่ารุ่นเครื่องเบนซิน 1.8 ลิตร
เช่นเดียวกับการทำตลาดช่วงครึ่งแรกปี 2562 นี้ นายกมลพงศ์บอกว่า โตโยต้าขอนแก่นสามารถทำยอดขายได้ตามเป้า และเป็นยอดที่เติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของครึ่งแรกปี 2561 ยอดขายรถยนต์ส่วนใหญ่กว่า 60% ยังคงเป็นระยนต์กระบะที่มีความอเนกประสงค์การใช้งาน เช่นเดียวกับเซกเมนต์กลุ่ม SUV ก็เติบโตสูงมาก โดยเฉพาะรถธง โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ได้รับการตอบรับสูง ยอดขายเป็นผู้นำกลุ่ม SUV

เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มรถยนต์นั่งที่โตโยต้าขอนแก่นจำหน่ายไปนั้น พบว่ากลุ่มรถยนต์ไฮบริดที่ค่ายโตโยต้านำมาทำตลาด 2 รุ่น คือ คัมรี่ไฮบริด และโตโยต้า C-HR ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายดีมาก แม้ว่าราคาจะสูงกว่า แต่ก็มีสัดส่วนยอดขายเครื่องยนต์ไฮบริดสูงกว่ารุ่นเครื่องยนต์ธรรมดา แสดงถึงตลาดตอบรับรถยนต์พลังงานทางเลือกในระดับที่ดีขึ้น

“ถือว่ายอดขายรถกลุ่มเครื่องยนต์ไฮบริดของโตโยต้าขอนแก่นเราประสบผลสำเร็จมาก ยอดโตขึ้นกว่า 2-3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเริ่มต้นที่แนะนำไฮบริดเข้าสู่ตลาด สาเหตุหลักจากนวัตกรรมยานยนต์ที่รุดหน้า ผู้บริโภคจึงมีความเชื่อมั่นในการใช้งานเครื่องไฮบริด แบตเตอรี่อายุใช้งานนาน กล้ารับประกันถึง 10 ปี รวมถึงการใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่าน้ำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ไกลกว่า 20 กิโลเมตร ทั้งช่วงห่างราคารถเริ่มแคบลง ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องยนต์ไฮบริดง่ายขึ้น” นายกมลพงศ์กล่าว และว่า

ลู่ทางตลาดรถยนต์กลุ่มเครื่องยนต์ไฮบริดถือว่าสดใส ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก ซึ่งโตโยต้ามีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดออกมาทำตลาดอีกหลายรุ่น ขณะที่ราคารถยนต์ไฮบริดเริ่มลดลงจากการผลิตภายในในประเทศ โดยช่วงครึ่งหลังปีนี้ ตามแผนของบริษัทแม่จะเปิดตัวโตโยต้า โคโรล่าใหม่ น่าจะมีรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดออกมาเป็นทางเลือกให้ลูกค้าด้วย จะช่วยดันยอดขายกลุ่มรถยนต์ไฮบริดเพิ่มได้อีกมาก

นายกมลพงษ์ระบุว่า การทำตลาดรถในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 นี้ โตโยต้าขอนแก่นมั่นใจว่าจะสามารถรุกแชร์ตลาดทำผลงานยอดขายรวมทั้งปีได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้มากกว่า 4,500 คัน หรือเติบโตขึ้นจากปี 2561 กว่า 15% เนื่องจากรถยนต์หลายเซกเมนต์ โตโยต้าเป็นผู้นำตลาด ทั้งกลุ่มกระบะ กลุ่มรถ SUV ผนวกกับบรรยากาศทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย รวมถึงเศรษฐกิจพื้นที่ขอนแก่นที่คึกคักกว่าจังหวัดอื่น น่าจะทำให้ยอดขายรถยนต์โตโยต้าขอนแก่นเป็นไปตามเป้าหมาย

ยอดขายรวมทั้งประเทศ 5 เดือนแรก โตโยต้ารั้งยอดขายอันดับ 1

รายงานเพิ่มเติมยอดขายรถยนต์โดยรวมในช่วง 5 เดือน (มกราคม-พฤษภาคม 2562) ที่ผ่านมาของไทยทั่วประเทศมียอดขายรวมทั้งสิ้น 437,722 คัน เพิ่มขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยโตโยต้าครองอันดับ 1 ด้วยยอดขาย 142,577 คัน เพิ่มขึ้น 24.9% ตามด้วยอีซูซุ ยอดขาย 75,962 คัน เพิ่มขึ้น 3.5% และอันดับ 3 ได้แก่ ฮอนด้า ยอดขาย 52,557 คัน เพิ่มขึ้น 6.6%

สำหรับรถยนต์นั่ง ในช่วง 5 เดือนมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 11.7% ปริมาณการขาย 171,131 คัน สำหรับอันดับที่ 1 โตโยต้า ยอดขาย 50,618 คัน เพิ่มขึ้น 17.2% ตามด้วยอันดับ 2 ได้แก่ ฮอนด้า ยอดขาย 39,739 คัน เพิ่มขึ้น 5.4% และอันดับ 3 มาสด้า ยอดขาย 21,771 คัน เพิ่มขึ้น 14.0%

ด้านรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 7.5% โดยอันดับที่ 1 โตโยต้ามียอดขาย 91,959 คันเพิ่มขึ้น 29.6% ตามด้วยอันดับที่ 2 อีซูซุ ยอดขาย 75,962 คัน เพิ่มขึ้น 3.5% และอันดับที่ 3 ได้แก่ ฟอร์ด ยอดขาย 23,379 คัน ลดลง 15.3%

ส่วนตลาดรถกระบะ ขนาด 1 ตัน มีปริมาณการขายรวม 218,040 คัน เพิ่มขึ้น 10.6% โดยอันดับ 1 ได้แก่ โตโยต้า มียอดขาย 81,977 คัน เพิ่มขึ้น 32.5% ตามด้วยอันดับ 2 อีซูซุ จำนวน 70,111 คัน เพิ่มขึ้น 4.4% และอันดับที่ 3 ฟอร์ด ยอดขาย 23,378 คัน ลดลง 13.3%


กำลังโหลดความคิดเห็น