xs
xsm
sm
md
lg

เปิด จม.ฉบับสุดท้ายน้องชายแดนที่ไม่มีโอกาสส่งถึงมือพ่อ-แม่ ด้าน พงส.โรงพักปากน้ำโพ เร่งสอบผู้ปกครอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นครสวรรค์ – เปิดเนื้อหาจดหมายฉบับสุดท้าย “น้องชายแดน” เขียนในสถาบันกวดวิชาบ้านพี่ณัฐ แต่ไม่มีโอกาสได้ส่ง พอพ่อ-แม่เห็นเนื้อหาแล้วน้ำตาไหลพราก เชื่อลูกโดนกระทำหนัก ระบุพฤติกรรมติวเตอร์ผิดมนุษย์-ไม่ขอรับคำขอโทษเด็ดขาด

ความคืบหน้ากรณีการสืบสวนสอบสวนคดีร่วมกันทำร้าย ด.ช.ฐปกร หรือน้องชายแดน ทรัพย์สิน อายุ 14 ปีนักเรียนที่เข้าคอร์สติวเตรียมสอบทหารกับสถาบันกวดวิชาบ้านพี่ณัฐ แล้วเสียชีวิต ซึ่งคดีนี้มีผู้ต้องหา 3 ราย คือ นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ เจ้าของสถาบันฯ, น.ส.พีรญา พละแสน ภรรยา และ น.ส.นงลักษณ์ พละ แม่ยาย โดยทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงงานว่า สำหรับบรรยากาศเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ 21 ม.ย.62 บรรยากาศที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ คึกคักด้วยกองทัพสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวคดีครูณัฐ แต่ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดระเบียบสื่อมวลชนใหม่ เพื่อจะได้ไม่ละเมิดสิทธิ์ผู้ปกครอง และเด็ก ในคดีนี้

ล่าสุดวันนี้(21 มิ.ย.) พ.ต.อ.สุทธินันท์ คงแช่มดี ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนในคดีเพื่อซักซ้อมและวางแนวทางการสืบสวนสอบสวน หลังรายงานความคืบหน้าทางคดีให้นายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และ พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงษ์ ผบก.ภ.นครสวรรค์ เบื้องต้นได้สั่งการให้ตำรวจสายตรวจในเขตรับผิดชอบอำเภอเมืองนครสวรรค์ สำรวจโรงเรียนกวดวิชาทั้งที่ได้รับการอนุญาตและไม่ได้รับอนุญาตเพื่อรายงานไปยังตำนักงานตำรวจแห่งชาติภายในวันนี้

ต่อมาได้มีผู้ปกครองเด็กที่เข้าคอร์สเรียนกับสถาบันฯที่เกิดเหตุ 3 ราย เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นผู้ปกครองเด็กที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมเรียนกวดวิชากับน้องชายแดนด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนก็แยกห้องสอบ และไม่ยอมให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ทำข่าว เพราะเกรงว่าจะไปกระทบสิทธิเด็กและเยาวชนได้

อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนจะเร่งสรุปสำนวนให้เสร็จทันภายในกำหนดฝากขังผลัดแรก จะคัดค้านการประกันตัวอีกรอบ ซึ่งจะแล้วเสร็จหรือไม่นั้นยังระบุชัดเจนไม่ได้ ซึ่งหากไม่สามารถสรุปสำนวนได้ทันฝากขังครั้งแรกจะยืนขอผลัดฟ้องอีก เพราะพนักงานสอบสวนยังคงยืนยันจะคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา โดยขณะนี้พนักงานสอวนได้ส่งหลักฐานตรวจพิสูจน์กว่าร้อยชิ้น รอผลการตรวจยืนยัน และจะสอบปากคำแพทย์ที่ตรวจน้องชายแดน ก่อนเสียชีวิตและผลการตรวจสภาพหลังเสียชีวิต ซึ่งมีแพทย์เกี่ยวข้อง 3 คนด้วย

ส่วนผู้ปกครองแจ้งความเพิ่มหรือไม่นั้น อยู่การตัดสินใจของผู้ปกครองเอง เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบสภาพจิตใจเด็ก และจะต้องมีหลักฐานประกอบรอบด้าน เช่นใบรับรองแพทย์เป็นต้น ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวนฯก็ได้ได้นำตัวนายพิษณุ ทรัพย์สิน และนางสุวรรณา ทรัพย์สิน ไปตรวจยืนยันดีเอ็นเอที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อนำมาให้พนักงานสอบสวนยืนยันเทียบเคียงกับดีเอ็นเอของลูกชายที่พบจากบ้านพัก และไม้เบสบอลของผู้ต้องหา

ด้านนางสุวรรรณา เปิดเผยว่า ทราบความคืบหน้าทางคดีจากสื่อมวลชนและพนักงานสอบสวน เบื้องต้นก็รู้สึกดีใจที่ตำรวจสามารถจับคนร้าย นำตัวมาดำเนินคดีได้ แต่พอทราบรายละเอียดจากสื่อมวลชนก็เสียใจมากที่ลูกมาเรียนที่นี่ และยิ่งเจ็บปวดแทนลูกที่ต้องถูกกระทำเช่นนี้

“พฤติกรรมของครูณัฐ ผิดมนุษย์จริงๆสงสารลูกมาก จะไม่ขอรับการขอโทษจากผู้ตองหาเด็ดขาด กรุณาอย่ามาเลยไม่ยกโทษให้ อย่ามาจองเวรจองกรรมกันอีกเลย”

นางสุวรรณา กล่าวต่อว่า ขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างถึงที่สุด เนื่องจากพฤติกรรมโหดร้ายมาก หากพ้นผิดออกมาลอยนวลในสังคมจะมีเด็กเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ ต้องมาสังเวยชีวิตรับบาดเจ็บเหมือนลูกตน

“เดิมไม่ต้องการให้ลูกมาเรียนที่นี่ แต่ด้วยความตั้งใจของลูก จึงวางแผนให้ลูกลาออกมาเรียนระดับมัธยมต้นจาก กศน.ก่อน ซึ่งจะจบมัธยมต้นในเทอมหน้านี้ จากนั้นจะสมัครเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 อีก 1 ปี แล้วจะไปสมัครสอบเตรียมทหาร ต่อมาลูกชายได้หาข้อมูลสมัครเรียนโรงเรียนกวดวิชาเองจากทางอินเตอร์เนต ก็มาเจอบ้านครูพี่ณัฐ เห็นรูป เห็นโปรไฟ พูดคุยทางแชต ลูกชายปลื้ม และศรัทธามาก จึงมั่นใจว่าครูพี่ณัฐจะสามารถติวจนสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ จึงสมัครมาเรียนทั้งที่ตนไม่เต็มใจ แต่เพื่ออนาคตลูกจึงยอมให้มาเรียน โดยทางสถาบันกวดวิชาเป็นคนวางแผนการเรียนให้ทั้งหมด”

นางสุวรรณา กล่าวอีกว่า ส่วนค่าใช้จ่ายในการเรียน แรกเข้าปีแรกต้องเสียเงิน 210,000 บาท ปีที่สอง 250,000 บาท ไม่รวมค่าที่พัก อาหาร ซึ่งที่ผ่านมาช่วงแรกก็จะให้ผู้ปกครองมาพบได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง พาลูกไปนอนบ้านได้ 1 วันตามที่ตกลงกัน ต่อมาครูณัฐ เริ่มอ้างว่าลูกต้องเก็บตัวไม่สามารถพบได้ ต้องอ่านหนังสือ จนเริ่มติดต่อลูกไม่ได้ ต้องนัดพบลูกล่วงหน้าแล้วกำหนดวันมาพบ แล้วก็มาทราบอีกครั้งตอนได้รับโทรศัพท์จากครูณัฐว่าลูกหัวแตก แขนหัก แต่ที่ผ่านมาสังเกตว่าลูกซึมเศร้าตลอด

ทั้งนี้หลังน้องชายแดนเสียชีวิตแล้ว ผู้ปกครองได้เข้าไปเก็บของในสถาบันฯ ก็ไปเจอจดหมายของน้องที่เขียนบันทึกไว้เตรียมส่งให้แม่ แต่ไม่สามารถส่งกลับไปได้ เมื่อพ่อ-แม่นำออกมาอ่านถึงกับร้องให้ เพราะใจความในจดหมายทำให้ทราบว่าลูกมาอยู่ที่สถาบันเหมือนตกนรก ต้องถูกซ่อมตลอดเวลา ถูกทรมานอย่างสาหัส ต้องการกลับบ้านก็กลับไม่ได้ อยู่ในสถาบันแห่งนี้เหมือนอยู่ในนรก ถูกกระทำ-ซ้อมตลอดเวลาลำบากมาก ซึ่งจากใจความในจดหมายทำให้เชื่อว่า ลูกน่าจะมีเรื่องอะไรกันมาก่อน แล้วลูกโดนซ่อมตลอดเวลาและมีข้อความหยาบคายหลายคำ

ด้านนายพิษณุ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้เสียใจมากที่ลูกชายคนเดียวจากไป ครอบครัวตนเหลือกันเพียงสองคนเท่านั้น ไม่สามารถมีบุตรได้ ตอนนี้ทำให้เพียงนั่งดูรูปภาพของลูกเท่านั้น อยากให้ครอบครัวของคนร้ายได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมาย อย่าออกมาสร้างความเดือดร้อนแก่สังคมอีกเลย

กำลังโหลดความคิดเห็น