xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านผวา! โปลิศยังตามจับโจรไม่ได้ หลังยายวัย 59 ถูกดักปล้นเงินขายผัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นางปรวรรณ ศรีครซ้าย หรือยายสำ อายุ 59 ปี หน้าตายังฟกช้ำจากการถูกไม้ฟาดอย่างแรง
มหาสารคาม - โจรโหดใช้ไม้ฟาดหน้ายายวัย 59 ปีขณะกลับจากขายผักที่ตลาดแลงจนจยย.พ่วงล้ม ก่อนชักมีดสปาต้าตัดชุดกันเปื้อนชิงเงินและมือถือหนีลอยนวล ชาวบ้านอยู่อย่างหวาดผวาเพราะตำรวจยังตามจับไม่ได้




จากกรณีข่าวโจรใจโหดใช้ไม้ฟาดใบหน้าหญิงสูงอายุจนได้รับบาดเจ็บแล้วชิงทรัพย์หนี เหตุเกิดเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้สร้างความหดหู่ให้แก่ชาวบ้านที่ทราบข่าวและหลายคนถึงกับหวาดระแวงเพราะกลัวจะถูกคนร้ายทำร้าย เพราะตำรวจยังตามจับมาดำเนินคดีไม่ได้

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลิงใต้ หมู่ 7 อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เพื่อพบกับนางปรวรรณ ศรีครซ้าย หรือยายสำ อายุ 59 ปี สภาพใบหน้าของยายสำยังมีรอยฟกช้ำ โดยเฉพาะที่บริเวณดวงตาฝั่งขวาถูกคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นอายุประมาณ 20-25 ปี ก่อเหตุชิงทรัพย์ โดยใช้ไม้ฟาดเข้าที่หน้า ก่อนที่รถจะเสียหลักล้มลง หลังจากนั้นคนร้ายใช้มีดสปาต้าตัดชุดผ้ากันเปื้อนที่ใช้เก็บเงินและโทรศัพท์มือถือหลบหนีไปได้

นางปรวรรณ ศรีครซ้าย หรือยายสำ เล่าว่า วันเกิดเหตุช่วงหัวค่ำวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยเพื่อนบ้านได้พากันไปขายผักที่ตลาดนัดในตัวอำเภอโกสุมพิสัย ขากลับ เพื่อนบ้าน ชื่อนางบังอร ขี่รถจักรยานนำหน้า ขณะที่ตนขี่รถจักรยานยนต์พ่วงด้วยรถเข็นตามหลังเพื่อส่องไฟให้ โดยขี่คู่กันไปช้าๆ ทิ้งระยะห่างไม่เกิน 5-10 เมตร เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าหมู่บ้านโนนขอนทอย ต.เลิงใต้ ห่างจากหมู่บ้านของตนราว 4 กิโลเมตร คนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นมาประกบ ก่อนใช้ไม้ฟาดเข้าที่ใบหน้าฝั่งขวา ทำให้รถเสียหลักตกลงไปข้างทาง

หลังจากนั้นคนร้ายตามลงมาใช้มีดสปาต้าที่เตรียมมาตัดชุดผ้ากันเปื้อนที่ตนใส่ไปขายของ ภายในมีเงินอยู่ประมาณพันกว่าบาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ตอนนั้นกลัวมากไม่กล้าส่งเสียงร้องเพราะคนร้ายมีมีด กลัวถูกฆ่า ได้แต่บอกคนร้ายว่า “อย่าทำแม่ อยากได้อะไรก็เอาไปให้หมด แม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าแค่นั้น” จากนั้นคนร้ายรีบเร่งเครื่องรถออกไป โดยคนร้ายไปแวะบอกเพื่อนบ้านที่ขี่จักรยานล่วงหน้าไปแล้วว่าให้มาดูตนซิว่าเป็นอะไรไหม

เพื่อนบ้านจึงได้ตะโกนถามว่า ..ยายสำเป็นอะไร ก่อนที่ตนจะเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง และเรียกให้คนที่ผ่านไปมาช่วยเหลือ เรียกรถพยาบาลให้พาตัวส่งโรงพยาบาล สภาพตอนนั้นมีเลือดออกจมูก ใบหน้าบวมช้ำ ซึ่งได้เอกซเรย์แล้วหมอว่าไม่เป็นอะไรมาก จึงให้ยากลับมากินที่บ้าน

“ตอนนี้ยังมีรอยเขียวช้ำที่ตา และตึงที่ใบหน้าฝั่งขวา ยายถือว่าโชคดีที่สวมหมวกกันน็อก ทำให้ได้รับบาดเจ็บเพียงแค่นี้ ถ้าไม่สวมหมวกกันน็อกคิดว่าอาจจะถึงแก่ชีวิตได้” ยายสำเล่า และบอกอีกว่า

เชื่อว่าคนร้ายจะดูลาดเลามานานแล้วก่อนจะลงมือก่อเหตุ ตนเป็นคนทำมาหากิน หาซื้อผัก ซื้ออาหารป่าจากเพื่อนบ้านไปขายต่อที่ตลาด พอมีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตนเอง ทำให้รู้สึกกลัว ไม่กล้าที่จะเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว ซึ่งเส้นทางจากบ้านไปตลาด ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร เส้นทางสายนี้ค่อนข้างมืดและเปลี่ยว เสาไฟฟ้าส่องสว่างก็มีเพียงแต่บริเวณหน้าหมู่บ้าน ไม่ได้มีตลอดเส้นทาง

อีกทั้งแต่ละหมู่บ้านตั้งอยู่ห่างกันเป็นกิโลฯ ทำให้คนร้ายอาศัยจุดบอดตรงนี้ก่อเหตุได้ ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้เร็วๆ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมาก็มีเหตุชิงทรัพย์ในลักษณะเดียวกัน แต่เกิดขึ้นกลางวันแสกๆ หากจับคนร้ายได้ ชาวบ้านก็จะได้สบายใจ ไม่กังวลในการใช้เส้นทางสัญจร และอยากให้ติดคุกนานๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องออกมาก่อเหตุซ้ำอีก
ยายสำชี้จุดที่ล้มลงข้างทาง
ด้าน พ.ต.อ.ภูมี อีคะละ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโกสุมพิสัย กล่าวว่า หลังได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนแบ่งกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวเพื่อแกะรอยคนร้าย แต่น่าเสียดายที่ผู้เสียหายไม่สามารถจดจำใบหน้าของคนร้ายได้ ทำให้ไม่สามารถสเกตช์ภาพคนร้ายได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จะเร่งตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดที่มีอยู่บริเวณใกล้เคียง และติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตามจับคนร้ายไม่ได้
ในช่วงนี้อยากให้พี่น้องประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ระมัดระวัง สอดส่องดูแลซึ่งกันและกัน ไม่เดินทางคนเดียวในเวลากลางคืนเพื่อความปลอดภัย และตำรวจจะได้เพิ่มวงรอบของการออกตรวจพื้นที่ตามสภาพอาชญากรรม เพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ประชาชนและเป็นการป้องปรามคนร้ายที่อาจจะออกมาก่อเหตุซ้ำอีก


กำลังโหลดความคิดเห็น