บุรีรัมย์ - กรมศิลป์ชี้พื้นที่ “สระน้ำหนองรี” ด้านหลัง รพ.นางรอง บุรีรัมย์ เนื้อที่ 50 ไร่ ที่ชาวบ้านร้องคัดค้านไม่ได้เป็นเขตโบราณสถานหรือสระน้ำโบราณในยุคอารยธรรมขอม รพ.สามารถก่อสร้างอาคารผู้ป่วยและอาคารจอดรถได้ เพื่อรองรับผู้ป่วยพุ่งต่อเนื่อง
วันนี้ (19 มิ.ย.) จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ได้มีตัวแทนชาวบ้านในชุมชนหนองหนองรี ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ รวมตัวกันลงชื่อและทำหนังสือร้องคัดค้านการขอใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์แปลง “สระน้ำหนองรี” บริเวณด้านหลังโรงพยาบาลนางรอง อ.นางรอง เพื่อขยายพื้นที่ก่อสร้างอาคารผู้ป่วย และอาคารจอดรถไปยังหน่วยงานต่างๆ โดยตัวแทนชาวบ้านที่ร้องคัดค้านระบุว่าพื้นที่สาธารณประโยชน์แปลงสระหนองรีดังกล่าว เป็นสระน้ำโบราณ หรือบาราย ซึ่งสันนิษฐานว่าก่อสร้างขึ้นในสมัยอารยธรรมขอมโบราณ จึงอยากอนุรักษ์ไว้
ขณะที่ล่าสุดทางกรมศิลปากรได้ส่งหนังสือชี้แจงกรณีดังกล่าวให้ชาวบ้านผู้ร้องได้รับทราบว่า จากการสำรวจทางโบราณคดีในพื้นที่อำเภอนางรอง ไม่พบหลักฐานการสร้างระบบจัดการน้ำหรือระบบชลประทานในอารยะธรรมเขมร ทั้งนี้จากผลการตรวจสอบและพิจารณาทบทวนแล้วเห็นว่า สระน้ำหนองรีไม่มีลักษณะเป็นสระน้ำโบราณ หรือบาราย ที่จะถือเป็น “โบราณสถาน” ที่ต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองตามกฎหมาย แต่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน กรมศิลปากรจึงไม่ขัดข้องในการที่ทางจังหวัดจะดำเนินการขอใช้ และถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์แปลง “สระน้ำหนองรี” ทั้งแปลง เพื่อดำเนินการขยายพื้นที่โรงพยาบาลตามที่ยื่นเรื่องขอใช้พื้นที่ได้
นพ.ปัญญา เหมชะญาติ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนางรอง ระบุว่า โรงพยาบาลนางรอง ได้ให้บริการใน 10 อำเภอโดยรอบ ทั้งยังเป็นสาขารองรับผู้ป่วยที่แน่นโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ปัจจุบันมีเตียงรองรับผู้ป่วย 500 เตียง มีผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการวันละกว่า 1,500 คน ทั้งยังมีบุคลากรและญาติ เข้าออกโรงพยาบาลเฉลี่ยวันละกว่า 5,000 คน และยังมีแนวโน้มผู้เข้ามาใช้บริการตรวจรักษาภายในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เชื่อว่าหากมีการขยายพื้นที่ก่อสร้างอาคารผู้ป่วย และอาคารจอดรถเพิ่มจะสามารถให้บริการให้อย่างสะดวก มีประสิทธิภาพ และลดความแออัดในอนาคตได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งงบประมาณก่อสร้างไว้ แต่ก่อนหน้านี้ได้มีการรับบริจาคและทอดผ้าป่าร่วมสร้างอาคารผู้ป่วยและอาคารจอดรถรวมแล้วกว่า 22 ล้านบาท” นพ.ปัญญากล่าวในตอนท้าย