เชียงราย - หลายหน่วยงานผนึกกำลังเปิดเวทีประชุมมาราธอนโลก-วิ่งยูเมะพลัสฯ ที่เชียงรายต้นเดือนหน้า ดึงกูรูทั่วโลกยกระดับขึ้นชั้นสากลตามบุรีรัมย์-ภูเก็ตใน 3 ปี
วันนี้ (18 มิ.ย.) นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมเตรียมจัดกิจกรรมประชุมวิ่งมาราธอนระดับโลก "วิ่งโกลบอล รันนิ่ง ซัมมิท 2019" (Global Running Summit) และการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนนานาชาติสนามใหม่ของประเทศไทยรายการ "ยูเมะพลัส เชียงราย 2019 21.1"
จากนั้นได้เปิดแถลงข่าวที่ห้องดอยตุง โรงแรมเดอะริเวอรี บายกะตะธานี เชียงราย ว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (ทีเส็บ), สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), บัตรกดเงินสดยูเมะพลัส บริษัทมูฟ เอเชีย จำกัด และจังหวัดเชียงราย จะร่วมกันจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น โดยใช้เส้นทางใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (IAAF)
การประชุมวิ่งมาราธอนระดับโลก "วิ่งโกลบอล รันนิ่ง ซัมมิท 2019" มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-5 ก.ค.นี้ ณ โรงแรมเดอะริเวอรี บายกะตะธานี เชียงราย ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญและกูรูวงการวิ่งระดับโลกเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ภายในงานจะมีการเสวนาให้ความรู้ในทุกมิติ เช่น โลจิสติกส์เมืองที่จัดงานวิ่ง การจัดการจราจร การวัดเส้นทาง การบริหารจัดการ ฯลฯ รวมทั้งมีผู้รู้จาก IAAF จะมาถ่ายทอดกฎเกณฑ์สาเกล หลักการและแนวปฏิบัติสู่เวทีโลก เป็นต้น และมีการจัดงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการวิ่งที่ลานของโรงแรมด้วย
ส่วนการวิ่ง "ยูเมะพลัส เชียงราย 2019 21.1" ที่จะมีมิสเตอร์เดวิด เคตซ์ มือหนึ่งการวัดเส้นทางระดับโลกของ IAAF มาวัดเส้นทางให้ด้วยนั้น จะมีขึ้นในวันที่ 7 ก.ค. ซึ่งการวิ่งจะมีนักวิ่งจากทั่วโลกทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งดาราไทยชื่อดังร่วมวิ่ง เช่น ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ, หญิง-รฐา โพธิ์งาม และโย-ยศวดี หัสดีวิจตร เป็นต้น
นายประจญกล่าวว่า นับเป็นโอกาสที่ดีมากที่ จ.เชียงรายได้จัดงานประชุมวิ่งมาราธอนระดับโลก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย และยังได้มีโอกาสต้อนรับผู้เชี่ยวชาญมาช่วยยกระดับการจัดการแข่งขันยูเมะพลัส เชียงราย 2019 21.1 เพื่อให้เกิดสถิติใหม่ และสนามแข่งขันระดับสากลที่เชียงราย
คาดว่ากิจกรรมครั้งนี้จะมีผู้เดินทางมาร่วมกว่า 6,000 คน เป็นคนไทยประมาณ 5,000 คน และต่างประเทศอีกกว่า 1,000 คน ดังนั้น ทางจังหวัดฯ จึงต้องระดมกำลังทุกฝ่ายเข้าร่วมจัดการแข่งขันให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งก็มีประสบการณ์จากการจัดมหกรรมกีฬาแห่งชาติมาแล้ว ส่วนด้านเทคนิคและบุคลากร ก็จะใช้คนจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายประมาณ 1,000 คน เมื่อเสร็จกิจกรรมแล้วก็จะเชิญชวนผู้เข้าร่วมไปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น วัดร่องขุ่น บ้านดำ ไร่เชิญตะวัน ฯลฯ ต่อไปด้วย
นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย กกท.กล่าวว่า งานนี้มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิชั้นนำจากทั่วโลก เช่น บอสตันมาราธอน ชิคาโกมาราธอน นิวยอร์กมาราธอน เบอร์ลินมาราธอน ลอนดอนมาราธอน และโตเกียวมาราธอน มาให้ความรู้ในทุกมิติ พร้อมกับเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการวิ่ง เช่น เอเยนซี แบรนด์สินค้า ฯลฯ ได้เข้าถึงการเรียนรู้ด้านเทคนิคและเคล็ดลับต่างๆ
และตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีจะยกระดับจังหวัดเชียงรายขึ้นสู่มาตรฐานการจัดการแข่งขันระดับสากลของ IAAF ให้ได้ โดยมีตัวอย่าง จ.บุรีรัมย์ ที่มีการจัดครั้งแรกด้วยคนเข้าร่วมแค่ 10,000 คน ปีถัดมาก็เพิ่มเป็น 18,000 คน และ 35,000 คนตามลำดับ เช่นเดียวกับภูเก็ต ที่ถือว่าได้มาตรฐานได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
ด้านนายบุญเพิ่ม อินทนปสาธน์ ผู้อำนวยการการแข่งขัน บริษัทมูฟ เอเชีย จำกัด กล่าวว่า เส้นทางวิ่งจะแบ่งเป็น 3 ระยะ คือในวันที่ 5 ก.ค.เป็นรอบมิตรภาพที่มีผู้ทรงคุณวุฒิหรือวีไอพีนำวิ่งจากโรงแรมเดอะริเวอรี บายกะตะธานี เชียงราย ไปยังสะดือเมือง วัดพระธาตุดอยทอง เพื่อกลับไปโรงแรมเช่นเดิม รวมระยะทาง 3.5 กิโลเมตร
ส่วนวันที่ 7 ก.ค.เป็นการวิ่ง "ยูเมะพลัส เชียงราย 2019 21.1" แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะทาง 21.1 กิโลเมตร จากวัดร่องขุ่น ไปตามถนนพหลโยธิน วกเข้าสู่ถนนเลี่ยงเมืองสายใหม่ มุ่งสู่ถนนสายเด่นห้า-ดงมะดะ-เขตเทศบาลนครเชียงราย ไปถึงจุดสิ้นสุดที่สวนตุงและโคมนครเชียงราย ถนนธนาลัย ใจกลางเมืองเชียงราย และระยะทาง 10 กิโลเมตร จากสวนตุงและโคมนครเชียงราย-ชุมชนศรีเกิด-ถนนบรรพปราการ-หอนาฬิกาฯ-แยกประตูเชียงใหม่-สะพานแม่ฟ้าหลวง และวกกลับไปตามเส้นทางเดิมสู่จุดสิ้นสุด ณ สวนตุงและโคมนครเชียงราย
"เชียงรายมีความพร้อมตามหลักของ IAAF ทั้งในด้านการมีสนามบิน มีเส้นทางท่องเที่ยว ระบบบริการสาธารณะที่ดี ระบบดูแลรักษาความปลอดภัยซึ่งดีมาก ซึ่งสามารถนำมาตรฐานการช่วยเหลือ 13 หมูป่าอะคาเดมีติดถ้ำหลวงจนมีชื่อเสียงไปทั่วโลกมาใช้ได้เลย เหลือเพียงเทคนิคการแข่งขันเท่านั้น" นายบุญเพิ่ม กล่าว