ฉะเชิงเทรา - ลูกสาวสุดทน นำคลิปภาพหนุ่มหัวร้อนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนชกหน้าผู้เป็นแม่ภายในวัดดังกลางเมืองแปดริ้ว จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โพสต์ลงโลกออนไลน์ถามหาสำนึก ด้านผู้ก่อเหตุอ้างเข้าใจผิด
จากกรณีที่มีผู้นำคลิปภาพเหตุการณ์ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใช้หมัดชกเข้าที่ใบหน้าของหญิงสูงวัยเผยแพร่ลงในโลกสังคมออนไลน์ โดยเป็นภาพเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฏิ์ หรือวัดเมือง วัดเก่าแก่ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา และยังเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี แห่งที่ 2 ของจังหวัดนับจากวัดโสธรฯ ซึ่งผู้โพสต์คลิปภาพได้ถามหาความเป็นธรรมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากชายที่ก่อเหตุไม่เคยรู้จักกับหญิงที่ถูกทำร้ายมาก่อนนั้น
วันนี้ (14 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ น.ส.ดาริน วรุณทรัพย์ อายุ 42 ปี บุตรสาวของหญิงชราวัย 64 ปี ที่ถูกทำร้ายในคลิปภาพ และยังเป็นผู้นำคลิปดังกล่าวลงเผยแพร่ในโลกสังคมออนไลน์ พร้อมบอกว่า ผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้แม่ของตนเองมีอาการใบหน้าบวมปูด เขียวช้ำ และกระดูกข้อมือหักเนื่องจากหลังถูกชกได้ล้มฟาดพื้น โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นขณะที่แม่ของตนเองซึ่งเป็นหัวหน้าคนงาน และแม่ครัวภายในวัดกำลังเดินสั่งงานคนงานที่ดูแลความเรียบร้อยตามจุดต่างๆ
ขณะที่ผู้ก่อเหตุทราบว่า เป็นญาติห่างๆ ของผู้เสียชีวิตที่มีการจัดงานศพภายในวัด ซึ่งก่อนเกิดเหตุชายคนนี้ได้แสดงความไม่พอใจที่คนงานของวัดนำแผงเหล็กมาปิดกั้นพื้นที่บริเวณทางเข้าศาลาสวดพระอภิธรรมศพ เพื่อกันไม่ให้รถตู้ที่มาจอดคอยรับส่งนักเรียนในบริเวณดังกล่าวเข้ามาจอดขวาง เนื่องจากเจ้าภาพได้ร้องขอให้ทางวัดอำนวยความสะดวก เพราะผู้เสียชีวิตเคยเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนมัธยมชื่อดังประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง จึงมีลูกศิษย์เดินทางเข้ามาร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพเป็นจำนวนมาก
“แต่ผู้ก่อเหตุเข้าใจผิดคิดว่าทางวัดนำแผงเหล็กมาปิดกั้นทางเข้าออกงานศพ และไม่พอใจที่แม่พูดสั่งงานคนงานไม่เข้าหู จึงเข้าไปรื้อแผงเหล็กออก และนำไปโยนทิ้งไว้ริมถนนฝั่งตรงข้ามศาลา ก่อนจะเข้ามาทำร้ายแม่จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งขณะนี้รู้แล้วว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมภพ แสงดีจริง อายุ 43 ปี ที่เมื่อทราบความจริงก็สำนึกผิดและได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.กฤชฐา ประทุมแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา และพยายามที่จะขอโทษ แต่ทางเรายังไม่สามารถทำใจได้ และได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย” น.ส.ดาริน กล่าว
ด้าน นางนงคราญ จงรักษ์ อายุ 64 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของการถูกทำร้ายเพราะไม่เคยรู้จักหรือพูดคุยกับผู้ก่อเหตุมาก่อน ส่วนบาดแผลที่บริเวณแก้มและดวงตาข้างขวาที่ปูดบวมจนปิดนั้น ขณะนี้อาการเริ่มดีขึ้นแล้วแต่ยังมีน้ำตาไหลออกมาในขณะพูดคุยอยู่ตลอด ซึ่งแพทย์ผู้ทำการรักษายังคงเป็นห่วงเรื่องของประสาทตา และท่อน้ำตาที่ฉีกว่าจะกระทบต่อการมองเห็นหรือไม่
ส่วนแก้มซ้ายที่ล้มลงกระแทกพื้นขณะนี้ได้เริ่มยุบลงมากแล้ว หลังจากที่แพทย์ได้ให้ญาติทำการประคบบาดแผลและรอยฟกช้ำอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ข้อมือซ้ายที่หักยังมีอาการปวดอยู่ แต่ได้รับการผ่าตัดใส่เหล็กและเข้าเฝือกไว้แล้ว คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจึงจะเปิดเฝือกเพื่อตัดไหม ก่อนจะทำการใส่เฝือกใหม่อีกครั้งจนกว่ากระดูกจะติดกันดี คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือนจึงจะทำกายภาพบำบัดได้
