นครสวรรค์ - เจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหารชื่อดังนครสวรรค์ พร้อมให้ปากคำ ตร. ยันเด็ก นร.เล่นกันเองแล้วล้มฟาดบันได ขณะที่พ่อเชื่อลูกถูกรุมซ้อม พบศพมีรอยช้ำเต็มตัวยันปอด-กระเพาะ แถมตับอ่อนฉีก เตรียมแจ้งความเอาผิดเพิ่ม
ความคืบหน้ากรณีนายพิษณุ ทรัพย์สิน อายุ 47 ปี ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อขอให้สอบสวนหาความจริงกับเจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองนครสวรรค์ หลังบุตรชาย คือ ด.ช.ฐปกร หรือน้องชายแดน ทรัพย์สิน อายุ 15 ปี เข้าคอร์สเรียนเตรียมตัวสอบนักเรียนเตรียมทหารที่สถาบันดังกล่าวแล้วได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีอาการช็อกหมดสติ อุจจาระ-ปัสสาวะเรี่ยราด จนต้องส่งเข้าห้องไอซียูรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ โดยเบื้องต้นแพทย์ระบุว่า ด.ช.ฐปกรได้รับความบอบช้ำอย่างมาก ทั้งจากอวัยวะภายนอกและภายใน รวมถึงมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด
ล่าสุดเช้าวันนี้ (14 มิ.ย.) นายพิษณุ ว่าลูกชายตนได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 00.45 น.ที่ผ่านมา ตนรู้สึกเสียใจมาก ขณะนี้ยังอยู่การชันสูตรตรวจสอบศพอย่างละเอียด ก่อนจะออกใบมรณบัตรระบุสาเหตุการตาย จากนั้นจะเคลื่อนย้ายศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ จ.ตากต่อไป
ส่วนการสืบค้นหาความจริงกรณีที่ลูกชายตนเข้าไปเก็บตัวกวดวิชากับสถาบันกวดวิชานักเรียนเตรียมทหาร ก่อนจะได้รับบาดเจ็บหนักและเสียชีวิตนั้น เมื่อบ่ายวานนี้ (13 มิ.ย.) ตนได้รับโทรศัพท์จากหญิงรายหนึ่งซึ่งระบุว่าเป็นมารดาของเด็กชายรายหนึ่งที่เคยไปศึกษาและเก็บตัวอยู่ที่สถาบันกวดวิชาดังกล่าว แต่ได้ถอนตัวออกมาแล้วเนื่องจากภายในมีการปกครองด้วยกฎแบบเข้มงวด หากมีการทำผิดหรือไม่พอใจอะไรจะมีการใช้ความรุนแรงในการทำโทษ
โดยในระหว่างการสนทนากันนั้นตนได้บันทึกเสียงการพูดคุยไว้ทั้งหมด จึงทำให้ทราบเรื่องราวของของการเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ที่สถาบันแห่งนี้ อีกทั้งยังมีบางช่วงบางตอนที่มีการพูดถึงเรื่องลูกชายตนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ และบางตอนมีการระบุว่าการทำโทษจะมีการใช้วิธีตั้งแต่ให้ไปทำงานบ้านคนเดียวหนักๆ จนเลยเถิดไปถึงการใช้ความรุนแรงถึงขั้นให้นักเรียนคนอื่นๆ รุมซ้อม
“ผมเชื่อว่าลูกชายผมต้องถูกรุมทำร้ายอย่างแน่นอน แต่จะเป็นใครรุมทำร้ายนั้นยังไม่สามารถระบุได้ ตอนนี้ผมต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมในการเอาผิดส่งให้กับตำรวจ ส่วนในทางคดีทราบว่าทางเจ้าหน้าที่จะมีการเชิญตัวเจ้าของสถาบันมาสอบสวน โดยเรื่องนี้ผมจะดำเนินการเอาผิดเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ลูกชายให้ถึงที่สุด” นายพิษณุกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการชันสูตรตรวจสอบสภาพศพ ด.ช.ฐปกร พบว่า นอกจากมีแผลศีรษะแตกเย็บ 7 เข็ม และแขนขวาหักแล้ว ยังพบว่าบริเวณด้านหลังมีร่องรอยการถูกทุบตีด้วยของแข็งตั้งแต่แผ่นหลังไปจนถึงขาหลายจุด รวมถึงที่อัณฑะมีรอยไหม้คล้ายถูกไฟลนด้วย ส่วนอวัยวะภายในได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก กระเพาะ-ปอดช้ำ ตับอ่อนฉีกขาด โดยแพทย์ระบุสาเหตุการณ์เสียชีวิตว่าเป็นการบาดเจ็บของตับอ่อนจากการกระทบต่อช่องท้อง
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่สถาบันเตรียมทหารที่ถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านไอซ์แลนด์ 6 เขตพื้นที่ ต.วัดไทร อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์ พบเป็นบ้านเดี่ยวมีพื้นที่รอบบริเวณ และมีป้ายชื่อขนาดใหญ่ “กวดวิชาบ้านพี่ณัฐ” ติดตั้งไว้อยู่หน้าบ้าน
นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ อายุ 27 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาดังกล่าว ได้ออกมาเปิดเผยและชี้แจงหลังจากนักเรียนในสังกัดเสียชีวิตว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการเล่นกันเองของกลุ่มนักเรียนในสถาบันที่พักเก็บตัวอยู่ร่วมกัน โดยการสกัดให้ล้มเหมือนการเล่นรักบี้ แล้วเด็กคนอื่นๆ ก็จะล้มตัวทับเด็กกันเป็นชั้นๆ ในขณะที่เล่นกันนั้น ตัว ด.ช.ฐปกร อยู่ข้างล่างสุด แล้วสะบัดตัวหนีออกมาได้ จึงได้วิ่งหนีขึ้นบันไดบ้านไปชั้น 2 แต่ในขณะที่กำลังวิ่งลงมา จู่ๆ ด.ช.ฐปกรก็หมดสติล้มลงตรงหน้าบันได จนทำให้หัวไปกระแทกศีรษะแตกและนอนนิ่ง เด็กนักเรียนที่เล่นกันจึงรีบมาแจ้งตน ก่อนจะช่วยกันพา ด.ช.ฐปกร ส่งโรงพยาบาล ตนขอยืนยันและพร้อมให้ตรวจสอบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ด้านนักเรียนกวดวิชาที่เก็บตัวเรียนอยู่ในสถาบันเดียวกันคนหนึ่งได้เล่าเหตุการณ์เหมือนกับนายณัฐพล และบอกว่ารู้สึกตกใจหลังทราบข่าวเพื่อนได้เสียชีวิต พร้อมพาสำรวจพื้นที่ภายในบ้านซึ่งตั้งเป็นสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร พบว่าด้านในมีการจัดแยกเป็นห้องพักสำหรับนักเรียนที่จะมาพักอาศัย ชี้จุดที่มีการเล่นกันจนทำ ด.ช.ฐปกรได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนยืนยันอีกครั้งว่าเป็นการเล่นกันเองแล้ว ด.ช.ฐปกรเกิดหมดสติหัวล้มฟาดกับราวบันได
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนยังไม่มีการเรียกคู่กรณีมาสอบปากคำแต่อย่างใด ซึ่งนายพิษณุ พ่อของเด็กชายที่เสียชีวิต เตรียมเข้าแจ้งความเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน แต่ขอดำเนินการจัดงานสวดพระอภิธรรมศพของบุตรชายวันแรกที่วัดส้มเกลี้ยง อ.เมืองตาก ให้เรียบร้อยก่อนจึงจะเดินทางกลับมาแจ้งความ ส่วนนายณัฐพล เจ้าของสถาบันกวดวิชา ยืนยันว่าจะไม่หลบหนีไปไหนอย่างเด็ดขาด และพร้อมที่จะเข้าให้ปากคำต่อตำรวจ โดยจะมีการนำนักเรียนคนอื่นๆ ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนด้วย