มหาสารคาม - ชาวบ้านผวาคอขาดมีมือดีขึงลวดกลางถนนเชื่อมระหว่างหมู่บ้านใน ต.หนองโน อ.เมืองมหาสารคาม โชคดีคนเจอคนแรกนั่งในรถกระบะแค่มีแผลที่นิ้ว หากเป็นมอเตอร์ไซค์อาจบาดคอดับ แจ้งตำรวจเร่งจับคนร้าย
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กในนาม “ต่อต้าน อุทัยดา” ได้โพสต์ข้อความส่วนตัวเพื่อเตือนภัยเพื่อนผู้ใช้สื่อโซเชียล โดยมีข้อความว่า “ให้ดูจะจะครับว่าพอดีหรือไม่...น่ากลัวๆๆๆ..คอขาดอย่างเด่ว...ถนนเชื่อมระหว่างบ้านกุดแคน-บ้านสวนมอน ต.หนองโน เมืองมหาสารคาม (บริเวณโคกอิเต้ง ระหว่างนาพ่อใหญ่สีกับนาพ่อใหญ่ตุ๊)
โดยมีภาพประกอบเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และพบลวดสีขาวมัดไว้กับต้นไม้ และเสารั้ว สร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมา
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าถนนเส้นดังกล่าวเป็นถนนระหว่างหมู่บ้าน จากบ้านสวนมอนไปยังบ้านกุดแคน ต.หนองโน อ.เมือง จ.มหาสารคาม และได้พุดคุยกับนายต่อต้าน อุทัยดา ส.อบต.โคกก่อ อ.เมือง จ.มหาสารคาม เล่าให้ฟังว่าเหตุดังกล่าวเกิดเมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 12 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา นายเสถียร แสนท้าว เพื่อนโทรมาแจ้งว่ามีคนมาขึงลวดขวางถนน ระหว่างบ้านสวนมอนไปยังบ้านกุดแคน ต.หนองโน อ.เมืองฯ จ.มหาสารคาม ระยะทางประมาณ 2-3 กิโลเมตร ทำให้รถกระบะถูกเส้นลวดเสียหายเล็กน้อย และได้รับบาดเจ็บที่คิ้ว โชคดีที่ช่วงนั้นไม่มีจักรยานยนต์ผ่านมาอาจจะทำให้ผู้บาดเจ็บถึงขั้นเสียชีวิต ตนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนหว่าน มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอยพบว่ามีคนร้ายนำลวดสีขาวมามัดไว้ที่เสารั้ว ก่อนที่จะโยงไปผูกกับต้นไม้ฝั่งตรงข้าม ขึงขวางถนน โดยไม่ทราบเจตนาของผู้ก่อเหตุคาดว่ามาขึงไว้ในช่วงกลางดึก และเมื่อจำลองเหตุการณ์พบว่า เส้นลวดนั้นอยู่ระหว่างอกถึงคอ หากขับขี่จักรยานยนต์มาไม่ระวัง หรือมองไม่เห็น อาจจะบาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวบ้านหวาดผวาเนื่องจากถนนเส้นดังกล่าวเป็นทางลัดไปผ่านหลายหมู่บ้าน เช่น บ้านหนองโจด บ้านสวนมอน บ้านหนองช้าง ต.หนองโน เข้าไปยังตัวเมือง ในช่วงเช้า ตี 4 เป็นต้นไปจะมีเช้าบ้านเดินทางไปตลาดเช้า เกรงว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอีก
จึงวอนเจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนหาคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด อีกทั้งเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดเหตุเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่ถนนระหว่างบ้านหินลาด-กุดแคน ห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ครั้งนั้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดนเชือกเอ็นบาดที่ลำคอทำให้ชาวบ้านหวาดผวามากขึ้น ไม่กล้าออกไปทำงานในช่วงกลางคืน หรือเลี่ยงไปใช้ถนนเส้นอื่นแทน ซึ่งต้องอ้อมไกลประมาณ 2-3 กิโลเมตร