กาฬสินธุ์ - ชาวนานอกเขตชลประทานกาฬสินธุ์ลดพื้นที่ปลูกข้าวหันมาปลูกถั่วลิสงแทน เหตุเป็นพืชอายุสั้น ใช้น้ำน้อย ทนต่อโรคและศัตรูพืช มีตลาดรองรับ ขายได้ราคาสูงกว่าข้าว อ้อย และมันสำปะหลัง รับซื้อราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 18-30 บาท
จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพเกษตรกรรม อาชีพหลักของชาวกาฬสินธุ์ 18 อำเภอ ในช่วงเริ่มต้นเพาะปลูกปีนี้ พบว่านอกจากจะมีการปลูกข้าวนาปีที่เป็นนาหว่านและนาดำแล้ว ยังมีการทำเกษตรผสมผสานกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน ที่เกษตรกรหลายรายลดพื้นที่ทำนา รวมทั้งลดพื้นที่ที่เคยปลูกมันสำปะหลังและอ้อย หันมาปลูกพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่แทน
นายบุญจันทร์ แก้วใส อายุ 59 ปี เกษตรกรบ้านโคกแง้ หมู่ 5 บ้านเลขที่ 54 ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ที่นาของตนและเพื่อนชาวนาเขต ต.เขาพระนอนหลายหมู่บ้านอยู่บนที่สูง นอกเขตชลประทาน การทำนาต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมาตนและเพื่อนชาวนาหลายรายได้ลดพื้นที่ทำนา แบ่งปลูกมันสำปะหลัง และอ้อย เพื่อต้องการรายได้มาหล่อเลี้ยงครอบครัว และใช้หนี้สินที่กู้ยืม ธ.ก.ส.มาลงทุน
เนื่องจากราคารับซื้อข้าวเปลือก มันสำปะหลัง และอ้อยราคาไม่แน่นอน ขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทั้งปุ๋ย ยา ค่าแรง และค่าขนส่ง รายได้ไม่คุ้มลงทุน ฤดูกาลผลิตปีนี้จึงหันมาทดลองปลูกพืชทางเลือกชนิดใหม่ ปลูกผสมผสาน นำพืชหลากหลายมาปลูก หวังนำผลผลิตจำหน่ายในชุมชน เช่น ถั่วลิสง มะเขือพวง และดอกกระเจียว
เพื่อลดความเสี่ยงจากการทำนาข้าว และพืชสวนพืชไร่อย่างอื่นที่ราคาไม่แน่นอน ต้นทุนผลิตสูง และไม่มั่นใจว่าฝนจะทิ้งช่วงหรือไม่ จึงลดพื้นที่ทำนาข้าว และพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง อ้อย โดยปลูกถั่วลิสงแทน ซึ่งเป็นพืชอายุสั้น ใช้น้ำน้อย ทนต่อโรคระบาดและศัตรูพืชรบกวน โดยปีนี้ทดลองปลูก 2 ไร่ ใช้แรงงานในครอบครัว ทราบว่าตลาดรับซื้อผลผลิตกว้างขวาง เมล็ดถั่วขายได้ทั้งเมล็ดสดและเมล็ดแห้ง ราคาสูงตั้งแต่กิโลกรัมละ 18-30 บาท คาดว่าจะขายได้กำไรดีกว่ามันสำปะหลัง อ้อย และข้าวนาปี