ลำพูน - เหมือนมีอะไรมาบังหูบังตา..ลุงชาวลำพูนวัย 68 ปีเข้าป่าหลังหมู่บ้าน-หน้าถ้ำเอราวัณหาเห็ดเผาะ ขากลับจำทางไม่ได้ทั้งที่เดินเข้า-ออกมานานหลายสิบปี แต่กลับเดินวนอยู่ 8 ชม.โผล่ข้ามอำเภอ จนท.-ญาติตามหากันจนดึก
เมื่อเวลา 22.25 น.เศษที่ผ่านมา (10 มิ.ย.) บรรดาญาติๆ และลูกหลานต่างดีใจร่ำไห้โผเข้ากอดนายทองดี มาลีเศรษฐ์ อายุ 68 ปี ชาวบ้านน้ำย้อย หมู่ที่ 10 ต.นครเจดีย์ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน หลังจากเดินทางเข้าไปในป่าเพื่อไปหาเห็ดเผาะ (หรือเห็ดถอบ) บริเวณหน้าถ้ำเอราวัณ กลางป่าหลังหมู่บ้าน เขตรอยต่อระหว่าง อ.ป่าซาง-อ.บ้านโฮ่ง แล้วหลงป่า
นายทองดี ที่แม้จะอายุมากแล้วแต่ก็ยังแข็งแรง ชอบเข้าป่าหาเห็ดคนเดียวตั้งแต่เช้าแทบทุกวัน แล้วก็จะกลับมากินข้าวที่บ้าน แต่วันเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดไว้บริเวณหน้าถ้ำเอราวัณเพื่อไปหาเห็ดเผาะ ตั้งแต่ช่วงเช้าเช่นเคย กระทั่งช่วงบ่ายลูกหลานและครอบครัวก็พากันแปลกใจว่าทำไมนายทองดีไม่กลับบ้านสักที
ญาติๆ จึงพากันไปดูที่ป่าหน้าถ้ำ ก็พบว่าได้จอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้ในป่าปกติแต่ไม่พบนายทองดี พากันตะโกนเรียกก็แล้ว เดินตามหาบริเวณใกล้เคียงก็ไม่พบ ก่อนตัดสินใจพากันออกจากป่ามาแจ้งผู้นำชุมชนทราบ แล้วระดมกำลังกันทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร กู้ภัย พร้อมด้วยชาวบ้านกว่า 50 คนออกค้นหากัน
ต่อมามี นายยงยุทธ สุขศิริ นายอำเภอป่าซาง และ พ.ต.อ.วิชา กันทาสุข ผกก.สภ.ป่าซาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน, ตำรวจสายตรวจ 20 มาร่วมให้กำลังใจและช่วยค้นหา จนถึงเวลา 22.25 น.ทางญาติได้มาแจ้งคณะค้นหาในป่าว่ามีคนพานายทองดีมาส่งกลับถึงบ้านแล้ว จึงยุติการค้นหา ท่ามกลางเสียงร้องไห้ดีใจของญาติและเพื่อนบ้าน
สอบถามนายทองดีบอกว่า ตนเข้าป่าแถวนี้มาหลายสิบปีแล้ว ชำนาญเส้นทางดี ครั้งนี้ก็ไปหาเห็ดเผาะตามปกติ แต่วันนี้ตั้งแต่ช่วงเที่ยงขณะกำลังจะกลับบ้านมาตามทางเดิมที่จอดรถจักรยานยนต์ไว้กลับจำทางไม่ได้ มองไปทางไหนก็ดูเป็นป่าเหมือนกันหมด เดินไปเดินมาก็มาโผล่ที่เก่าหลายเที่ยว จึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเดินไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงบ่าย ลัดเลาะไปตามป่าเขา นานกว่า 8 ชั่วโมง จนมืดค่ำ จึงเจอถนนและพบคนขับรถยนต์ผ่านมาพอดี ก็ทราบว่าตนเดินเข้าไปในเขต อ.บ้านโฮ่ง ใกล้กับค่ายลูกเสือ ต.ป่าพลู อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ห่างจากบ้านตนกว่า 30 กิโลเมตร จึงได้ขอร้องและจ้างให้เขามาส่งบ้านในราคา 300 บาท
“ปลอดภัยดีเพียงแต่อ่อนเพลียเล็กน้อย แต่คงไม่เอาอีกแล้ว ไม่เข้าป่าหาเห็ดอีกแล้ว เข็ดแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว” นายทองดีกล่าว
