นครพนม - ศุลกากรร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้องลุยอายัดหินทรายท่าทรายชื่อดัง อ.ท่าอุเทน หลังนำเข้าเถื่อนจากฝั่งลาวเกือบ 3 หมื่นคิว เผยยังมีอีกหลายรายสำแดงเท็จลอบนำเข้าผิด กม. ลั่นฟันเด็ดขาดทั้งแพ่งและอาญา
จากกรณีนายสยาม สิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม สั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งทำการตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดลอบดูดทรายผิดกฎหมาย ทำลายทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ชายแดน จ.นครพนม หลังมีชาวบ้านร้องเรียนได้รับผลกระทบจากผู้ประกอบการดูดหินทรายในแม่น้ำโขง สร้างปัญหาเรื่องมลพิษแก่ชุมชน รวมถึงมีการบรรทุกน้ำหนักเกิน ทำให้เส้นทางการจราจรเสียหาย ทั้งยังฉวยโอกาสนำเข้าทรายผิดกฎหมาย เลี่ยงการเสียภาษี และสำแดงเท็จ
โดยได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าพนักงานที่ดิน กรมเจ้าท่า ศุลกากร ตำรวจทหาร และหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่ามีพื้นที่ดูดทราย ที่ยังสามารถดำเนินการได้ คือ ในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน ซึ่งมีผู้ประกอบการที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการขออนุญาตให้ดูดทราย พ.ศ. 2546 และการอนุญาตให้ดูดทราย ตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน 2556 ภายใต้การพิจารณาอนุญาตของ กพด. หรือคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตดูดทราย
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าดำเนินการรวม 24 ราย แต่ยังรอพิจารณาต่อใบอนุญาตรายปีจาก กพด.ในปี 2562 แต่ยังสามารถดูดทรายได้ ในระหว่างรอการพิจารณา แต่ในอนาคตตามข้อตกลงระหว่างประเทศ และระเบียบกระทรวงมหาดไทย ผู้ประกอบการท่าทรายจะต้องปิดตัวลง หากพื้นที่ดูดทราย มีการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำโขง จะเหลือเพียงการขออนุญาตที่ยังสามารถทำได้ คือ การสัมปทานนำเข้า จาก สปป.ลาว เท่านั้น
ทำให้ปัจจุบันพบว่ามีผู้ประกอบการบางรายฉวยโอกาสลักลอบ สำแดงเท็จ นำเข้าหินทรายเพื่อแสวงผลประโยชน์ มหาศาลจากการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
ล่าสุดนายชลิต หอมหวล หัวหน้าฝ่ายควบคุมและตรวจสอบทางศุลกากร พร้อมด้วยนายณัฏฐ์กัญจ์กร เกตุสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ด่านศุลกากรนครพนม และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบอายัดหิน ประมาณ 25,000 คิว หลังพบว่าผู้ประกอบการท่าทรายชื่อ หจก.อนุรักษ์นครพนมก่อสร้าง มีการขออนุญาตนำเข้าหินสัมปทานจากลาวนำมาสต๊อกไว้ในคลังเก็บ เลขที่ 60 หมู่ 7 บ้านนาเหนือ ต.ท่าอุเทน แต่พบพิรุธมีการนำเข้าผิดระเบียบทางศุลกากร เข้าข่ายสำแดงเท็จเพื่อเลี่ยงการเสียภาษี จึงได้ทำการตรวจอายัดมาตรวจสอบหาที่มาโดยละเอียด โดยให้นำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงภายใน 30 วัน หากไม่สามารถนำเอกสารหลักฐาน มาชี้แจง ที่มาการนำเข้าตามกฎหมายได้ จะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี ทั้งอาญาและทางแพ่งทันที
นายชลิต หอมหวล หัวหน้าฝ่ายควบคุมและตรวจสอบ ทางศุลกากร ด่านศุลกากรนครพนม ระบุว่า หลังมีการตรวจสอบ ติดตามการขออนุญาตนำเข้าหินทรายที่อ้างว่ามีการสัมปทานนำเข้าจาก สปป.ลาว พบว่ามีผู้ประกอบการบางราย ในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน มีการสัมปทานนำเข้าหินทรายที่ขัดกฎหมาย เนื่องจากไม่มีการดำเนินการตามขั้นตอน กระบวนการศุลกากร เป็นเพียงการกล่าวอ้างและลักลอบนำเข้าโดยไม่มีการตรวจสอบชัดเจน
ทั้งนี้ ทางศุลกากรนครพนมกำลังเร่งตรวจสอบหาความชัดเจนทุกรายเพื่อรวบรวมหลักฐาน เตรียมทำการอายัดตรวจสอบที่มา หากพบกระทำผิดจะมีการอายัดดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
ล่าสุดได้ตรวจอายัดในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน 1 ราย เป็นหินนำเข้า ประมาณ 30,000 คิว อยู่ระหว่างรอให้เจ้าของชี้แจง เพราะพบมีการนำเข้าผิดกฎหมาย พร้อมดำเนินการตรวจสอบทุกรายที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ส่วนใครนำเข้ามาเก็บไว้ในคลังจะต้องตรวจสอบที่มาทั้งหมด และหลังมีการอายัดจะต้องชี้แจงภายใน 30 วัน และขอให้ทุกรายดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย หากพบสำแดงเท็จจะถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และอาญา ทางศุลกากรยืนยันว่าหากพบกระทำผิดดำเนินคดีทุกราย