บุรีรัมย์ - ศึกโซเชียลฯ เดือด! นายอำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ มอบปลัดอำเภอนำหลักฐานเข้าแจ้งความตำรวจ เอาผิดลุงวัย 60 ปีชาวนางรองไลฟ์สดยาว 1 ชม.กล่าวหาประพฤติมิชอบเอื้อประโยชน์พวกพ้อง หักหัวคิวงบฯ รัฐหลายโครงการ ฐานหมิ่นทำเสื่อมเสีย
วันนี้ (6 มิ.ย.) นายยุทธนา พิทยานันทกุล นายอำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้มอบอำนาจให้ปลัดอำเภอฝ่ายศูนย์ดำรงธรรมฯ นำเอกสารหลักฐานคลิปวิดีโอเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง ให้เอาผิดลุงวัย 60 ปี ชาวอำเภอนางรอง ฐานหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หลังจากที่ลุงคนดังกล่าวได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กในลักษณะกล่าวหาว่านายอำเภอประพฤติมิชอบ เอื้อประโยชน์พวกพ้อง หักเงินหัวคิวงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐเพื่อพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนในหลายโครงการฯ ซึ่งคลิปไลฟ์สดดังกล่าวมีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง
หลังจากคลิปไลฟ์สดถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นในทางเสื่อมเสีย ทำให้สังคมเข้าใจผิด นอกจากนั้นลุงคนดังกล่าวยังได้ไลฟ์สดกล่าวหาพาดพิงเจ้าหน้าที่รัฐอีกหลายคนในทางเสียหาย ทำให้มีผู้เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ต่อว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ในทางลบ เนื่องจากคลิปไลฟ์สดดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโซเชียลฯ อย่างกว้างขวาง
จากการตรวจสอบพบว่าสาเหตุที่ลุงคนดังกล่าวได้ไลฟ์สดกล่าวหานายอำเภอ และเจ้าหน้าที่รัฐนั้น สืบเนื่องจากลุงคนนี้เคยทำเรื่องร้องเรียนไปยังทางอำเภอหลายเรื่อง ล่าสุดร้องให้ตรวจสอบการก่อสร้างศาลาประชาคมหมู่บ้าน งบประมาณ 250,000 บาท โดยระบุว่าศาลาประชาคมสร้างยังไม่เสร็จแต่มีการเซ็นเบิกเงินไปกินก่อน โดยอ้างว่าได้ร้องเรียนให้อำเภอตรวจสอบแต่กลับนิ่งเฉย จึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นบุคคลอันตรายและถูกสั่งระงับไม่ให้ตรวจสอบเรื่องที่ลุงร้องเรียนทุกเรื่องด้วย
ขณะที่นายยุทธนา พิทยานันทกุล นายอำเภอนางรอง ระบุว่า กรณีที่มีการไลฟ์สดกล่าวหาว่าตนประพฤติมิชอบ เอื้อประโยชน์พวกพ้อง และทุจริตงบประมาณของรัฐ และกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐอีกหลายคนนั้น นอกจากจะทำให้ตัวผู้ที่ถูกกล่าวหาได้รับความเสื่อมเสียแล้ว ยังกระทบต่อภาพลักษณ์ของอำเภอ เพราะทำให้สังคมเข้าใจผิดถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ พร้อมทั้งยืนยันว่าตนเองปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใสไม่ได้กระทำตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมยืนยันว่าไม่เคยพูดกล่าวหาว่าลุงเป็นบุคคลอันตราย เพราะตนปฏิบัติหน้าที่เป็นนายอำเภอ รู้ดีว่าสิ่งไหนควรพูดหรือไม่ควรพูด
ส่วนเรื่องที่ลุงได้ร้องเรียนเข้ามาทางอำเภอทุกเรื่อง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบตามกระบวนการขั้นตอน และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลหลักฐานแล้วไม่พบมูลความผิดตามที่ถูกร้องก็จะทำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน ซึ่งเรื่องไหนที่มีการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วทางผู้บังคับบัญชาจะสั่งให้ยุติเรื่อง แต่เรื่องไหนที่ยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จก็ต้องดำเนินการต่อ ซึ่งนอกจากจะรายงานผู้บังคับบัญชาทราบได้ทำหนังสือแจ้งลุง ซึ่งเป็นผู้ร้องได้รับทราบด้วยเช่นกัน แต่ลุงกลับไม่ยอมรับฟัง
ส่วนกรณีที่มีการไลฟ์สดทำให้เสื่อมเสียนั้นว่ากันไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งหลังจากมอบอำนาจให้ปลัดเข้าแจ้งความแล้วต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ