นครปฐม - ถึงกับอึ้ง แม่ขี่ จยย.เอาลูกเพิ่งคลอดใส่กระเป่าทิ้งถังขยะ เผยพลาดตั้งครรภ์ ทำให้เกิดหนี้สะสม จึงไม่กล้าบอกสามี เครียดเรื่องรายได้ของครอบครัว จึงคิดว่าจะให้คนมาพบแล้วเอาไปเลี้ยงต่อชีวิต สามีอึ้ง งงว่าทำไมภรรยาไม่บอก ด้าน พม.ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวติดตามความคืบหน้ากรณีแม่นำลูกชายที่เพิ่งคลอดใส่กระเป๋าไปวางทิ้งในจุดทิ้งขยะกลางชุมชน บริเวณซอยกระทุ่ม 27 หมู่ที่ 4 ตำบลกระทุ่มล้ม อำเภอสามพราน โดยมีภาพวงจรปิดสามารถจับภาพขณะนำมาทิ้งไว้ได้ ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน สามารถติดตามจับกุมหญิงคนดังกล่าว คือ น.ส.รดี (นามสมมติ) ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่เข้ามาอาศัยในบ้านเช่าเขต อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องดังกล่าวในหลายมุมมอง
ล่าสุด วันนี้ (6 มิ.ย.) น.ส.ชนานันท์ วุฒิทวี หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดนครปฐม กรมสวัสดิการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้เข้าประสานงานกับเจ้าหน้าที่พยาบาลของโรงพยาบาลสามพราน (วัดไร่ขิง) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม. ได้เข้าพบและสอบถามเพื่อให้ความช่วยเหลือ น.ส.วรดี ซึ่งได้รับการเข้ารักษาตัวหลังจากคลอดบุตรเมื่อวาน และ ด.ช.โชค (นามสมมติ) อายุ 2 วัน
หลังจากถูกส่งตัวมารักษาตัวตั้งแต่เมื่อวาน โดยพบว่า สภาพจิตใจของ น.ส.วรดี นั้นอยู่สภาวะเครียดอย่างหนัก โดยมีผลกระทบทางด้านจิตใจที่รุนแรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสำนึกกับสิ่งที่ได้ก่อเหตุลงไปเมื่อวานนี้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทางกฎหมายและดำเนินการให้การช่วยเหลือเพื่อสร้างกำลังใจ หลังสภาวะจิตใจนั้นอยู่ในขั้นที่ต้องประคับประคองอย่างใกล้ชิด
โดย น.ส.ชนานันท์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดนครปฐม กล่าวว่า หลังจากได้พบแม่ของน้องโชค และได้สอบถามอย่างละเอียด ก็พบประเด็นปัญหาคือเรื่องความเครียดสะสมที่เกิดขึ้นในครอบครัวเป็นหลัก โดยเรื่องรายได้ที่ไม่เพียงพอ และการไม่สื่อสารกันในครอบครัวน่าจะคือปัญหาหลักที่เกิดเรื่องดังกล่าว ซึ่งจุดประสงค์ของการนำลูกชายไปทิ้ง น่าจะมาจากเรื่องการที่แม่มีความเครียดว่าได้ตั้งครรภ์โดยไม่ได้บอกคนรอบตัว
และเกรงว่าลูกเกิดมาจะไม่มีคนเลี้ยงจึงได้เอาใส่กระเป๋าเปิดซิปเอาไว้ เผื่อหวังว่าจะมีคนที่มาพบเห็นแล้วจะเอาไปเลี้ยง และต่อชีวิตให้ลูกชาย เพราะก่อนหน้าก็มีลูกที่ติดกับสามีเก่า 2 คน แต่ได้ฝากให้ตากับยายแบ่งช่วยไปเลี้ยง ส่วนตัวเองก็เลี้ยงดูลูกอีก 2 คน กับสามีคนล่าสุด และมาพลาดตั้งครรภ์ ทั้งๆ ที่สามีบอกให้ป้องกันการตั้งครรภ์ไว้แล้ว แต่ก็มามีลูกในช่วงที่ครอบครัวมีปัญหาทางการเงินจึงน่าจะกลัวถูกต่อว่า และมาทราบเรื่องเมื่อตั้งครรภ์ไปแล้ว 5 เดือน ซึ่งขณะนี้ทางหน่วยงานพร้อมให้การช่วยเหลือในหลายๆ ด้าน ทั้งการดูแลเรื่องสุขภาพของแม่ และทางด้านสภาพจิตใจของแม่ และทางคุณพ่อ ซึ่งทราบว่ากำลังวิตกอย่างหนักเช่นกัน ซึ่งจะมีการจัดเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพให้มาดำเนินการช่วยเหลือต่อไป
หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดนครปฐม กล่าวอีกว่า เกี่ยวกับเรื่องปัญหาตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจนั้นสามารถโทร.มาปรึกษาที่หมายเลข 1330 ของ พม.ได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ที่จะคอยช่วยเหลือ เช่นกรณีนี้ สอบถามแล้ว ทางคุณแม่ไม่พร้อม และขอตั้งหลักให้ได้ก่อนจะมารับกลับไปเลี้ยง ซึ่งทางหน่วยงานก็มีสถานที่สำหรับดูแลเด็กอ่อนให้ ขึ้นอยู่กับข้อมูลความประสงค์และความพร้อม แต่ถ้าเลี้ยงไม่ได้ รัฐก็มีกระบวนการในการดูแลเลี้ยงดูต่อไปให้ ส่วนในเรื่องคดีความก็จะมีการประสานสหวิชาชีพ มาช่วยให้การดูแล เพราะจุดประสงค์คือไม่ได้ทำให้เสียชีวิต แต่คิดว่าจะให้คนเอาไปเลี้ยง แต่วิธีการอาจจะยังสับสน ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันแรกที่แม่ได้ให้นมลูกและอยู่ในอ้อมกอดของกันแล้ว
ผู้สื่อข่าวได้ติดตามไปที่ห้องเช่า ม.13 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นที่พัก และได้พบกับ นายเป้ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สามี โดยพบว่า นายเป้ นั้นกำลังนั่งซึมอยู่ในห้องเช่าคนเดียว และมีอาการเหม่อลอย จึงได้เข้าทำการสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยนายเป้ บอกว่า ตนเองยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งที่ผ่านมา 9 ปี ที่คบหากับภรรยา ได้มีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ภรรยามีลูกติดกับสามีมา 2 คน ซึ่งส่วนนั้นตนเองยอมรับได้ เพราะเขาเป็นคนดีมีน้ำใจ และที่อยู่ด้วยกันมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร และกำลังวางแผนชีวิต โดยเมื่อวานตนเองเป็นพนักงานขับรถของบริษัทแห่งหนึ่งกำลังทำงานขับรถอยู่ เพื่อนได้โทร.มาบอกว่า เมียเอาลูกไปทิ้ง ซึ่งตนเองก็ยังเข้าใจว่าเอาลูก 2 คนไปทิ้งที่บ้านยาย ก็ไม่ได้ติดใจ
อีกสักพักเพื่อนก็โทร.มาอีก บอกว่ามันไม่ใช่ทิ้งธรรมดา แต่ทิ้งลูกที่เพิ่งเกิดมาในถังขยะ ตำรวจมาเอาตัวไปแล้ว ก็ยิ่งงง เพราะภรรยาไม่เคยตั้งท้อง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ยังมีอะไรกันอยู่ จึงไม่น่าจะใช่ และเมื่อไปถึงโรงพยาบาลพบว่าเป็นเรื่องจริง ตนเองยังได้ไปดูหน้าลูกชาย ซึ่งเห็นครั้งแรกถึงกับร้องไห้ว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้อย่างไร
“ผมยังทำอะไรไม่ถูก เพราะงงไปหมด วันนี้จะไปทำเรื่องแจ้งเกิดให้จบแล้วไปดูภรรยา แต่ต้องช้าหน่อยเพราะผมไม่มีรถต้องนั่งรถเมล์ไป ส่วนรถที่ภรรยาเอาลูกไปทิ้งก็ยืมคนข้างบ้านไป ขณะนี้เครียดเรื่องคดีว่าภรรยาจะติดคุกไหม ทำไมเขาไม่บอก แม้กระทั่งเรื่องตั้งท้อง ถ้าบอกผมสักนิดผมจะได้เตรียมตัวให้พร้อมซื้อข้าวของมารอรับลูกชาย เมื่อคืนผมไปหาภรรยามาถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้เขาก็ไม่ตอบ ผมก็ไม่อยากรู้อะไรแล้ว เรามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อน และที่เครียดมากคือ ปกติตนเองดูโซเชียลแล้วจะด่าคนที่ทิ้งลูกแบบสาดเสียเทเสีย ไม่เชื่อว่าจะเปิดดูแล้วเจอชื่อเมียตัวเอง ตอนนี้ผมตั้งชื่อลูกชายว่า น้องธนกฤต แต่ไม่รู้จะมีเงินเลี้ยงเขาไหม” นายเป้ บอกด้วยความเครียด
นายเป้ บอกอีกว่า เรื่องลูกชายคนใหม่ ตนเองไม่รู้ว่าจะพร้อมเลี้ยงไหม เพราะตอนนี้ทำงานคนเดียว เงินเดือน 1.2 หมื่น แต่ก็ใช้หนี้นอกระบบเดือนละ 9 พันกว่าบาท ซึ่งเป็นแค่ดอกเบี้ย จากเงิน 7 หมื่น ที่ไปหยิบยืมจากคนที่อยู่ในโรงงาน ซึ่งภรรยาน่าจะรู้สึกเครียด เพราะเราเคยคุยกันเรื่องคุมกำเนิดเขาก็บอกตลอดว่าคุมเราก็ยังเชื่อว่าคุมอยู่แล้ว เรื่องนี้จะจบไม่เป็นเรื่องถ้าเขายอมบอกกับผมแค่คำเดียวว่าตั้งท้อง วันนี้ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้ว่าคิดกับภรรยายังไง ความรักยังมี การเลี้ยงดูยังมีแต่คงไม่เหมือนเดิม ผมจะเชื่อเขาอีกไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประมวลสาเหตุที่ น.ส.วรดี ได้ก่อเหตุดังกล่าวน่าจะเป็นปัญหาที่ได้ตกลงกันในระหว่างก่อนช่วงที่มีลูกคนที่ 4 ซึ่งขณะนั้นได้ไปออกรถยนต์มือ 2 มาแล้วกำลังจะผ่อน แต่ น.ส.วรดี ได้เกิดตั้งท้องลูกคนที่ 4 ขึ้นมา ทำให้ต้องปล่อยรถให้ยึดไปแล้วนำเงินมาเลี้ยงลูกคนที่ 4 โดยได้สัญญากันว่าจะคุมกำเนิดเพื่อลดค่าใช้จ่ายในบ้าน กระทั่งเดือนหน้า ทั้งคู่เตรียมจะเอาลูกๆ ไปฝากเลี้ยงยังสถานที่รับฝากเลี้ยงแล้วจะให้ น.ส.วรดี ออกมาทำงาน
โดยเงินส่วนที่นายเป้ หามาได้จะรีบนำไปใช้หนี้ให้หมด ส่วนเงินของ น.ส.วรดี จะนำมาใช้ในครอบครัว เมื่อหนี้สินหมดก็จะขอกลับไปตั้งหลักที่จังหวัดชัยนาท แต่เมื่อตั้งท้อง น.ส.วรดี จึงไม่กล้าบอก เพราะทุกเดือนสามีต้องไปยืมเงินจากคนปล่อยกู้มาประทังชีวิต ทำให้เป็นหนี้พอกขึ้นจาก 2 หมื่น เป็น 7 หมื่น แม้จะผ่อนมาแล้ว 9 พันกว่าบาท เป็นเวลา 1 ปี ก็เป็นดอกเบี้ยเท่านั้น เงินต้นยังอยู่ ทำให้เป็นสาเหตุที่ น.ส.วรดี เกิดความกลัวสามีเพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหนี้ แต่ทั้งคู่ไม่ได้คุยกัน จนเกิดเป็นภาพข่าวที่สะเทือนใจสังคม