นครพนม - เจ้าแม่เงินกู้โหด “เจ๊สุ” ถูกศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาคดีเบิกความเท็จ ส่วนอดีตลูกน้องคนสนิทศาลได้กลับพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ที่พิพากษาจำคุก 2 ปี ให้ยกฟ้อง เผยเจ๊สุยังมีคดีปล่อยกู้เก็บดอกโหดจ่อคิวชี้ชะตาอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 มิ.ย. 62) เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดนครพนมมีหมายนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ชี้ชะตา “เจ๊สุ” น.ส.สุพิชญ์ฌา อภิชัจฐ์โภคิน หรือ น.ส.สุนภา เรืองสุวรรณ อายุ 58 ปี เจ้าแม่เงินกู้นอกระบบชื่อดัง ในข้อหาเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล โดยมีนางสาริกา คนฉลาด อายุ 71 ปี อดีตลูกหนี้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง เป็นคดีอาญาเลขแดง ที่ 2776/2559 โดยศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษาจำคุก น.ส.สุพิชญ์ฌา เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และเจ้าตัวได้ประกันตัวมาต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา
โดยก่อนหน้านี้ วันที่ 15 พ.ค. 62 ที่ผ่านมา “เจ๊สุ” มอบหมายให้ทนายยื่นใบรับรองแพทย์ 2 ฉบับ ฉบับแรกจากคลินิกแพทย์แห่งหนึ่งใน จ.นครพนม และอีกหนึ่งฉบับเป็นของโรงพยาบาลเอกชน จ.สกลนคร อ้างว่าผู้ต้องหาเกิดอาการล้มป่วยกะทันหัน ความดันต่ำกะทันหัน จึงขอศาลฯ เลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปก่อน ซึ่งศาลฎีกาพิจารณาให้เลื่อนอ่านคำพิจารณาไปเป็นวันนี้ (5 มิ.ย.) เวลา 09.00 น.
บรรยากาศช่วงเช้ามีบรรดาลูกหนี้ “เจ๊สุ” ทยอยมารวมตัวกันที่ศาลาพักญาติ มีนางสาริกา คนฉลาด โจทก์เดินทางมาฟังคำพิจารณาของศาลฎีกาเช่นเดียวกัน ขณะที่ น.ส.พนิตตา พวงผกา หรือนก อายุ 48 ปี อดีตลูกน้องสนิทของเจ๊สุ ที่ถูกซัดทอดว่ามีส่วนรู้เห็นและร่วมกันกระทำผิดในคดีดังกล่าว จึงถูกศาลฯ พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 2 ปี เหมือนกับเจ๊สุ ได้เปิดเผยความในใจก่อนจะเดินไปยังห้องพิจารณาคดี ขอร้องสื่ออย่าบันทึกภาพและเสียง เพราะเกรงลูกสาววัย 7 ขวบ เห็นภาพข่าวแล้วจะรู้ว่าแม่ต้องคดี น.ส.พนิตตาบอกว่าตนทำหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อ เมื่อเจ้านายสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตาม ถ้าไม่ทำก็จะถูกไล่ออก เหตุที่ถูกดึงเข้ามาพัวพันกับคดีเพราะเจ๊สุสั่งให้ตนออกหนังสือทวงหนี้จากนางสาริกา
ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มในศาลชั้นต้นเป็นต้นมา ตนต้องดิ้นรนหาหลักทรัพย์มาประกันตัวเอง โดยไร้การเหลียวแลจากเจ้านาย แต่ยังมีความเชื่อว่า “เจ๊สุ” จะไม่ดึงตนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงไม่ได้ตั้งทนายความขึ้นมาว่าความแก้ต่างให้ทั้งศาลชั้นต้น และชั้นอุทธรณ์ แต่สุดท้ายถูกเจ้านายทอดทิ้ง ตนจึงต้องตั้งทนายขึ้นมาในชั้นฎีกาเพื่อยื่นเอกสารหลักฐาน ขอแยกฎีกาดังกล่าว ซึ่งก็อยู่ในดุลพินิจของศาลฯ และพร้อมรับชะตากรรม ห่วงแต่ลูกสาวหากตนต้องคำพิพากษาแล้วไม่เห็นแม่เขาจะต้องร้องไห้หา เพราะมีกันแค่สองคนแม่ลูกเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าทั้งโจทก์ คือ นางสาริกา และจำเลยคือ น.ส.สุพิชญ์ฌา ได้เดินทางมาศาลตามนัด โดยนางสาลิกาเข้าไปนั่งรออยู่หน้าบัลลังก์ ขณะที่ น.ส.พนิตตา หรือนก มีพ่อแม่และพี่น้องมาให้กำลังใจอยู่หน้าประตูเข้าบัลลังก์ ขณะที่เจ๊สุได้มาพร้อมกับลูกน้องคนสนิทเข้าไปทักทาย น.ส.นก อดีตลูกน้องว่ามากับใคร และก็เดินเข้าไปภายใน
โดยศาลได้ออกนั่งบัลลังก์เมื่อเวลา 10.00 น. และเริ่มอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา โดยศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก น.ส.สุพิชญ์ฌา หรือเจ๊สุ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนลูกน้องคือนางพนิตา พวงผกา ศาลฎีกาได้กลับพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ที่พิพากษาจำคุก 2 ปี ให้ยกฟ้อง
หลังอ่านคำพิพากษาจบ “เจ๊สุ” เจ้าแม่เงินกู้นอกระบบก็ถูกตำรวจประจำศาลควบคุมตัวไปไว้ในห้องขังใต้ถุนศาล เพื่อรอส่งตัวเข้าเรือนจำในเย็นวันนี้
ขณะที่นางสาริกาเผยเพียงสั้นๆ ว่า กรรมใดใครก่อก็รับไป ส่วนตนขออโหสิกรรมให้กับเจ๊สุ ให้เขารับกรรมในสิ่งที่ก่อไว้ คดีนี้เป็นอุทาหรณ์ให้แก่กับนายทุนเงินกู้นอกระบบที่มุ่งหวังที่จะเอาประโยชน์มากเกินไป
นายสมหมาย วงมะแสน ทนายความฝ่ายโจทก์กล่าวถึง น.ส.พนิตตา หรือนก อดีตลูกน้องคนสนิทของเจ๊สุ ที่ศาลฎีกาได้พิพากษายกฟ้องว่า ศาลฎีกาท่านมีเหตุผลในคำวินิจฉัยว่า ผลคำพิพากษาในคดีแพ่งไม่ผูกพันกับจำเลยที่ 2 ซึ่งคำเบิกความของจำเลยที่ 2 คือ น.ส.พนิตตา หรือนก เบิกความว่าเห็นจำเลยที่ 1 คือ เจ๊สุ ส่งมอบเงินให้โจทก์ คือ นางสาริกาจริง แต่ไม่ได้นำสืบว่าเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 2 จึงพิพากษายกฟ้อง ตนขอแสดงความยินดีต่อ น.ส.พนิตตา หรือนก ด้วย
อย่างไรก็ตาม วิบากกรรมของ “เจ๊สุ” นายทุนเงินกู้โหดยังไม่หมดแค่คดีนี้ โดยก่อนหน้านี้เจ๊สุถูกกลุ่มลูกหนี้กว่า 40 คน รวมตัวแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงและปล่อยกู้เงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 ตัดสินยกฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชน แต่พิพากษาจำคุกเจ๊สุ และพวก เป็นเวลา 51 เดือน ในข้อหาปล่อยเงินกู้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย และปล่อยกู้โดยเรียกดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด โดยให้นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ 2776/2559 ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ของทั้งโจทก์และจำเลย