ศูนย์ข่าวขอนแก่น - พาไปดูชาวบ้านฮ่องฮีที่กาฬสินธุ์รวมกลุ่ม “เลี้ยงจิ้งหรีด” ขายสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เผยเลี้ยงง่ายต้นทุนต่ำกว่าเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจตัวอื่น ปีหนึ่งเลี้ยงได้ถึง 5-6 รอบ บางรายเลิกทำนาทำสวนผักเลี้ยงจิ้งหรีด-แมงสะดิ้งแทน
“กลุ่มเลี้ยงจิ้งหรีดบ้านฮ่องฮี” อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เป็นอีกกรณีศึกษาของกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นอาชีพ เป็นฟาร์มตัวอย่างที่หน่วยงานรัฐและเครือข่ายเกษตรกรในภาคอีสานเดินทางเข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงาน
อรวรรณ วอทอง หัวหน้ากลุ่มวิสาหกิจกลุ่มเลี้ยงจิ้งหรีดบ้านฮ่องฮี เล่าว่า ทุกวันนี้มีสมาชิกกลุ่มที่เลี้ยงจิ้งหรีดในหมู่บ้านมีทั้งหมด 51 ราย หรือ 51 ครอบครัว เริ่มต้นรวมกลุ่มกันเลี้ยงอย่างจริงจังในปี 2560 นี้เอง จากเดิมก่อนหน้านั้นในราวปี 2550 ตนเป็นผู้บุกเบิกเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นอาชีพเสริม นอกเหนือจากปลูกผักสวนครัวขาย ต่อมาเห็นว่าจิ้งหรีดต้นทุนเลี้ยงต่ำ เลี้ยงง่าย เลี้ยงในบ่อปูน ใช้เวลาไม่นานก็จับขายได้กำไรดี จึงเลิกปลูกผักหันมาเลี้ยงจิ้งหรีดเพียงอย่างเดียว
ขณะเดียวกัน ได้ชักชวนคนญาติพี่น้องให้มาเลี้ยงด้วยกันยามว่างจากการทำนาทำไร่ ซึ่งเพื่อนบ้านเห็นว่าเราเลี้ยงจิ้งหรีดแล้วมีรายได้ดี ก็มาปรึกษามาขอข้อมูลและหันมาเลี้ยงจิ้งหรีดกันเพิ่มขึ้น เลี้ยงกันมากสุดก็ราว ปี 2554 มีพ่อค้าเขามารับซื้อถึงที่ หรือไม่ก็พากันไปขายตามตลาดเช้า ตลาดเย็นหรือตลาดนัด ขายดีเพราะนิยมบริโภคกันเยอะ
อรวรรณบอกอีกว่า หลังรวมตัวเป็นวิสาหกิจกลุ่มเลี้ยงจิ้งหรีดบ้านฮ่องฮีแล้ว ทางกลุ่มได้พยายามพัฒนาระบบการเลี้ยงให้ได้มาตรฐานตามหลักวิชาการ โดยเลี้ยงใน Smart box ตอนนี้มีทั้งหมดราว 900 กล่อง เลี้ยงทั้งจิ้งหรีดและแมงสะดิ้ง เก็บขายได้ทุกวัน โดยหมุนเวียนกันจับขายภายในสมาชิกกลุ่ม มีลูกค้าประจำทั้ง จ.ขอนแก่น อุดรธานี กาฬสินธุ์และอีกหลายจังหวัดในภาคอีสาน
ราคาขายส่งหน้าฟาร์ม จิ้งหรีดจะขายกิโลกรัมละ 90 บาท สะดิ้งขายกิโลกรัมละ 80 บาท เฉลี่ยแล้วแต่ละวันจับขายได้ประมาณ 300-400 กิโลฯ
อรวรรณกล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้ทางกลุ่มฯได้พัฒนาการแปรรูปจิ้งหรีดเป็นจิ้งหรีดทอดกรอบทั้งแบบซองและกระป๋องเพื่อเตรียมส่งวางขายตามร้านค้าทั่วไป เบื้องต้นส่งขายที่ไปรษณีย์ไทย กระแสตอบรับดี ขณะนี้กำลังรอการรับรองจากองค์การอาหารและยา หรือ อย. คาดว่าอีกไม่นานน่าจะได้รับการรับรอง หลังจากนั้นน่าจะเห็นวางขายตามร้านขายของฝากของที่ระลึกมากขึ้น โดยเฉพาะภาคอีสาน
สำหรับต้นทุนการเลี้ยงจิ้งหรีดนั้น อรวรรณบอกว่า เมื่อเทียบกับการเลี้ยงสัตว์ประเภทอื่น จิ้งหรีดใช้เงินน้อยกว่า มีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท/กล่อง ต้นทุนในที่นี้รวมทั้งแม่พันธุ์พ่อพันธุ์จิ้งหรีดและอาหารสำเร็จรูป เมื่อเลี้ยงครบ 45 วันจะจับขายได้ราว 1,800 บาท/กล่อง แต่ละปีจะเลี้ยงได้มาก 5-6 รอบ ลงทุนซื้อ Smart box เพียงครั้งเดียว
จิ้งหรีด ก่อนที่ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อน ใช้เวลาราว 10 วัน ระยะตัวอ่อน 14 วัน ช่วงโตเต็มวัย 20 วัน รวมเบ็ดเสร็จ 44-45 วัน จิ้งหรีดโตเต็มวัยเหมาะแก่การรับประทานได้
วิธีการเลี้ยงจิ้งหรีด หรือแมงสะดิ้ง แบบพอเพียง เริ่มต้นด้วยการต่อแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดเป็นลักษณะกล่องสี่เหลี่ยมตามขนาดพอดีกับ Smart box หรือพื้นที่ตั้งกล่องเลี้ยงจิ้งหรีด จากนั้นนำถาดไข่จิ้งหรีดวางลงในกล่องเลี้ยง กล่องละ 1 ถาด ใส่ฟองน้ำ กากมะพร้าว และใบมันสำปะหลังลงไปแล้ว ปิดปากกล่องเลี้ยงด้วยตาข่ายพลาสติกให้มิดชิด ป้องกันจิ้งจกหรือนกลงไปจิกกินไข่จิ้งหรีด บ่มไข่รอการฟักเป็นตัวประมาณ 10 วัน
ช่วงระหว่างรอไข่ฟัก ต้องฉีดน้ำด้วยขวดสเปรย์พรมไว้ทุกวันๆ ละ 2 ครั้งเช้า-เย็น ราว 10 วัน ไข่จิ้งหรีดจะเริ่มฟักออกเป็นตัว เมื่อจิ้งหรีดฟักตัวได้ราว 3 วัน ให้นำถาดไข่ออกจากกล่อง และเริ่มโรยอาหารไก่เล็กบดละเอียดเป็นกองไว้ให้จิ้งหรีดได้กินเรื่อยๆ หมดเมื่อไหร่ก็เติม ในช่วงนี้ก็อย่าลืมฉีดน้ำใส่ฟองน้ำให้เปียก แต่ไม่ให้ชุ่มมาก ฉีดน้ำวันละ 3 ครั้ง ให้จิ้งหรีดได้ดูดกินน้ำจากฟองน้ำ วิธีการนี้ป้องกันไม่ให้จิ้งหรีดจมน้ำตายเหมือนการใช้รางน้ำวางไว้
ดูแลให้น้ำให้อาหารเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน จนจิ้งหรีดอายุประมาณ 40 วัน ก็นำถาดแบนบรรจุแกลบดำเข้าไปวางไว้เพื่อให้จิ้งหรีดพร้อมวางไข่ เมื่ออายุครบ 45 วันขึ้นไป จิ้งหรีดจะเริ่มวางไข่ ก็เปลี่ยนอาหารเป็นเศษขนมปังบดละเอียดแทน หลังจากจิ้งหรีดเริ่มวางไข่ลงในถาดแกลบดำประมาณ 7 วัน ก็จับพ่อแม่พันธุ์จิ้งหรีดออกมาขายได้ เลี้ยงลักษณะนี้ต่อเนื่องวนไปเป็นรุ่นๆ ละ 45 วัน