ชัยนาท - หนุ่มใหญ่ซิ่งกระบะย้อนศร แหกด่าน ฝ่าสัญญาณไฟกลางเมืองชัยนาท ตำรวจเร่งไล่ล่าสกัดจับไกลกว่า 6 กม. สุดท้ายจนมุมถูกจับกุม อ้างไม่รู้ตัว ถูกผีเป่าหูสั่งให้ทำ
วันนี้ (1 มิ.ย.) ได้เกิดเหตุระทึกกลางเมืองชัยนาท เมื่อมีรถกระบะอีซูซุ สีเขียว ทะเบียน บษ 5582 สุพรรณบุรี ซึ่งมีชายไม่ทราบชื่อและอายุ ได้ก่อเหตุขับรถย้อนศรด้วยความเร็ว บนถนนสาย 340 เชื่อมต่อไปยังถนนพหลโยธิน เป็นระยะทางยาวกว่า 6 กิโลเมตร
โดยระหว่างที่ขับรถย้อนศร ได้ขับไปชนกับรถของชาวบ้าน และยังได้ขับรถฝ่าสัญญาณไฟจราจรและแหกด่านตรวจของตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท ที่ตั้งจุดตรวจอยู่บนถนน 340 ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนับ 10 นาย ต้องใช้รถจักรยานยนต์และรถสายตรวจขับติดตามไล่ล่าเพื่อสกัดจับรถกระบะคันดังกล่าว แต่ก็ไม่เป็นผล
ตำรวจจึงตัดสินใจใช้ปืนยิงไปที่ล้อรถกระบะหลายนัด แต่ก็ยังหยุดรถกระบะไม่ได้ ซ้ำยังทำให้รถจักรยานยนต์ของตำรวจที่ตามไล่ล่า เกิดอุบัติเหตุชนประสานงากับรถยนต์ของชาวบ้านที่กำลังเลี้ยวกลับรถ เป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ
ส่วนชายที่ก่อเหตุ ตำรวจสามารถตามไปสกัดจับได้บนถนนพหลโยธิน บริเวณกิโลเมตรที่ 283 ม.1 ต.เขาท่าพระ อ.เมืองชัยนาท โดยใช้รถกระบะตำรวจสายตรวจเข้าไปสกัดด้านหน้ารถกระบะของผู้ก่อเหตุ จึงสามารถหยุดรถไว้ได้ ซึ่งสภาพรถที่ก่อเหตุกระจกด้านหน้าแตก ยางรถทั้ง 4 ล้อแตก ส่วนชายที่ก่อเหตุ ตำรวจได้เข้าจับกุมตัว
เบื้องต้น ทราบชื่อคือ นายกุน กาฬภักดี อายุ 47 ปี ชาว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี จึงควบคุมตัวไปที่ สภ.เมืองชัยนาท และตรวจปัสสาวะ แต่ไม่พบสารเสพติดในร่างกาย จากการตรวจค้นภายในรถกระบะที่ก่อเหตุไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย พบเพียงยาแก้อักเสบ และเอกสารราชการเท่านั้น
จากการสอบสวน นายกุน กาฬภักดี ผู้ก่อเหตุให้การว่า ตนเองได้ขับรถออกจากบ้านที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี เพื่อจะไปต่ออายุใบขับขี่ แต่พอขับรถมาได้สักระยะหนึ่ง ก็มีร่างดวงวิญญาณลอยมาหา เข้ามาสะกดจิตตนในรถ มาพูดข้างๆ หู บอกให้ตนขับรถไปเรื่อยๆ ตนจึงขับรถไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าขับไปถึงจังหวัดชัยนาท และไม่รู้ตัวว่าขับรถย้อนศรและแหกด่านตำรวจ ยืนยันว่าไม่ได้เสพยาเสพติด และที่ทำไปก็ไม่ใช่เพราะจิตของตนเป็นคนสั่งการ แต่เป็นเพราะมีดวงวิญญาณมาสั่งการให้ตนทำ
ด้าน พ.ต.อ.ชัชพิมุข มีมุข ผกก.สภ.เมืองชัยนาท เปิดเผยว่า จากการตรวจปัสสาวะผู้ก่อเหตุ ไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แต่คาดว่าน่าจะมีอาการทางประสาท เบื้องต้น จะส่งตัวไปให้แพทย์ตรวจว่ามีอาการทางประสาทหรือไม่ ก่อนที่จะแจ้งข้อหา และนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.จราจร ต่อไป ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย แต่ทุกนายอยู่ในอาการปลอดภัยแล้ว