xs
xsm
sm
md
lg

บุกพิสูจน์“โถงเหล็กไหล-ถ้ำพระไทรงาม เนินมะปราง”พระ-ฤษีปลุกเสกวัตถุมงคล กันคนแซะหินดำกลับ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พิษณุโลก - พระ-ฤษี บุกพิสูจน์“โถงเหล็กไหล-ถ้ำพระไทรงาม เมืองลับแลเนินมะปราง” นั่งปลุกเสกกองหินเหล็กไหลลงอาคมวัตถุมงคล ให้นักท่องเที่ยวบูชาแทนการลอบเซาะหินดำที่เชื่อว่าเป็น “เหล็กไหล”แทน เผยสภาพถ้ำ..น้ำนิ่ง-ใสเย็น แต่ไม่มีใครรู้ลึกแค่ไหน



วันนี้(1 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพระสนม รติโก (หลวงตาหลอด) ผู้ดูแลสำนักสงฆ์ถ้ำพระไทรงาม พร้อมฤษี อีก 3 ตน มักเข้าไปนั่งสมาธิ ทำกิจวัตรภายในถ้ำพระไทรงาม บ้านดงงูใหม่ หมู่ 8 ต.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก อยู่เป็นประจำ แต่คราวนี้ทั้งพระสงฆ์-ฤษี ได้ร่วมกันนำพระบูชาไปทำพิธีปลุกเสกแทน

เนื่องจากระยะที่ผ่านมา มักจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปในถ้ำ แล้วนำเครื่องมือไปเซาะหินสีดำ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “เหล็กไหล” จากถ้ำพระติดมือกลับมาเป็นที่ระลึก จึงคิดค้นหาวิธีนำวัตถุมงคลไปบูชาแทน “เหล็กไหล”ดังกล่าว

ซึ่งสภาพภายในถ้ำพระไทรงาม พบว่า มีน้ำใสมาก ไหลนิ่ง เนื่องจากไม่มีฝนตกสะสมช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามากนัก แต่เมื่อถามถึงความลึกของถ้ำลึกลับแห่งนี้ หนึ่งใน“ฤษี”บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เคยเดินไปพร้อมกับนักสำรวจต่างชาติแล้ว 3 วัน 3 คืนยังไปไม่ถึงปากทางออก ส่วนตำนานเรื่องเล่าของเณรที่เคยหลงในถ้ำพระฯ ก็มีการอ้างเพียงว่า ต้องเดินทะลุไปอีกอำเภอ ดังนั้นจนถึงวันนี้ จึงยังไม่มีการพิสูจน์ว่า ถ้ำพระไทรงาม..ลึกเท่าใดแน่

อย่างไรก็ตามถ้ำพระแห่งนี้ แม้จะเป็นถ้ำลี้ลับ แต่สวยงาม ภายในมีห้องโถงขนาดใหญ่ จุดแรก คือ สะดือถ้ำ มีหินย้อยจากหินปูน ทอดยาวลงมาจากเพดานถ้ำจนถึงพื้น ความยาวร่วมๆ 2 เมตร หรือท่วมหัวคน นักธรณีวิทยาเชื่อกันว่า ภูเขาหินปูนเนินมะปราง มีอายุกว่า 300 ล้านปี และพื้นที่ส่วนใหญ่เคยเป็นทะเลมาก่อน ทำให้ภายในถ้ำมีทั้งหินงอก หินย้อย สีขาวและดำ ลำห้วยในถ้ำยังมีปลาตาเดียวพันธุ์หายาก และมีปูอาศัยอยู่จนถึงปัจจุบัน

หลังจากเดินเข้าไปในถ้ำประมาณ 40 นาที ซึ่งวัดระยะทางจากปากทางเข้าไปในถ้ำได้ราว 500 เมตร พบห้องโถงที่ 2 ซึ่งถูกเรียกขานกันว่า “ห้องเหล็กไหล หรือเมืองเหล็กไหล” เนื่องจากมีแร่ที่มีคราบสีดำเกาะติดบริเวณผนังและก้อนหิน ลักษณะเลื่อมดำสนิท ไม่สามารถแกะหรือหยิบออกมาด้วยมือเปล่า แต่ยังพบร่องรอยการเซาะหินสีดำออกบางจุด

การเดินทางเข้าถึงห้องเหล็กไหลนี้ ต้องมุดลอดซอกหินลงไป สภาพภายในมีลมเย็นพัดผ่านต่อเนื่อง พอมีคราบน้ำหรือร่องรอยน้ำท่วมให้เห็น กล่าวคือ หากเข้าถ้ำในฤดูน้ำหลาก จำเป็นต้องมุดใต้น้ำลอดซอกหิน เพื่อหาทางออกกันอย่างแน่นอน

พระสนม รติโก (หลวงตาหลอด) ผู้ดูแลสำนักสงฆ์ถ้ำพระไทรงาม หมู่ 8 ต.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ที่ตั้งอยู่หน้าถ้ำพระฯ กล่าวว่า ถ้ำพระฯ เป็นเสมือน “เมืองลับแล” พอลงไปก็พบว่าเป็น “วัง” มีน้ำตลอด ในถ้ำเป็นห้องโถง คนหรือพระอาศัยอยู่ได้ อาตมาได้ซื้อปูนและเหล็ก ทำทางขึ้นบริเวณหน้าถ้ำไปหลายหมื่นบาทแล้ว ทั้งๆที่ไม่ต้องทำก็ได้ แต่กลัวนักท่องเที่ยวพลัดตก

แต่ก็อยากขอวิงวอนว่า หากเข้าไปชมในถ้ำเมืองเหล็กไหล สามารถถ่ายรูปได้ แต่อย่าแกะหินดำ หรือเหล็กไหลติดมือเป็นที่ระลึก หากต้องการของขลังติดตัว ก็สามารถร่วมทำบุญบริจาคตามกำลังศรัทธา โดยมีพระพระนางพญาเนื้อดิน เป็นของดีเมืองพิษณุโลก พร้อมพระเนื้อดิน อาทิ ขุนแผน พระลีลา พระหูยาน พระนาคปรก พระสมเด็จ ฯลฯ ไว้พกติดตัวแทน

อนึ่ง อ.เนินมะปราง อยู่ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 85 กิโลเมตร เดิมเป็นป่าดงดิบ มีต้นไม้และสัตว์ป่า ห่างไกลจากผู้คน แต่นายพรานมักเข้ามาล่าสัตว์และหาของป่า และจากการเข้าไปอาศัยพักแรมชั่วคราว ก็นำไปสู่การปักหลักตั้งถิ่นฐานสร้างชุมชน จนกลายเป็น “อำเภอเนินมะปราง”

ภูมิประเทศเป็นผืนราบสลับถ้ำหินปูนร้อยละ 45 บ้างก็ว่า “เป็นกุ้ยหลินเมืองไทย “เนื่องจากมีถ้ำหินปูนจำนวนมาก อาทิ ถ้ำดาวถ้ำเดือน ถ้ำพระวังแดง ที่มีความยาว 12 กม.เศษ,ถ้ำนเรศวร ซึ่งเป็นถ้ำแห้ง อยู่ที่ผาท่าพล ส่วนถ้ำน้ำดั้น ถือว่าสวย อยู่ที่ ต.ชมพู และถ้ำเงินล้าน หากใครได้ไปถือว่า โชคดี อยู่ที่ภูเขาบ้านดงงู ตรงข้ามกับ “ถ้ำพระไทรงาม” ซึ่งมีตำนานลี้ลับเสมือน “เมืองลับแล”ดังกล่าว เพราะมีคนหลงถ้ำมาแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น