นครพนม - “มูลนิธิปวีณาฯ” รุดช่วยสาวรุ่นวัย 16 ปี ถูกล่ามโซ่ เผยพ่อแม่ของเด็กเลิกกัน ตายายรับมาเลี้ยง พอโตติดเพื่อน ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดจนต้องออกโรงเรียนตอน ม.2 ชอบหนีออกจากบ้าน ขณะเจ้าตัวสารภาพเรื่องจริงแต่ยังรักตายายเหมือนเดิม
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 62 ที่ผ่านมา น.ส.พอลล่า (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ได้ร้องทุกข์เข้าไปยังมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีเพื่อนสนิทของตน คือ น.ส.พอลลีน (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ถูกตาและยายล่ามโซ่ขังเอาไว้ภายในบ้านพักพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ไม่สามารถออกไปไหนได้ โดย น.ส.พอลลีนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปตัวเองในสภาพขาซ้ายถูกโซ่ล่ามไว้กับขาเตียง ส่งมาให้ตนดูเมื่อเช้านี้วันเดียวกัน ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือด้วย
ภายหลังรับเรื่อง ล่าสุดนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน น.ส.พัทธ์ธีรา ขุนชะ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครพนม ส่งเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ นครพนม นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือ น.ส.โบว์ทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงที่บ้านดังกล่าว พบ น.ส.โบว์อยู่ในห้องนอน โดยที่ขาข้างซ้ายมีโซ่ล่ามไว้กับขาเตียง ตามร่างกายไม่มีร่องรอยถูกทำร้าย จึงได้ขอให้คนในบ้านช่วยกันเอาโซ่ออก
จากการสอบถามคุณตาของ น.ส.พอลลีน อายุ 84 ปี และคุณยายอายุ 90 ปี ที่เป็นผู้ปกครองเล่าว่า น.ส.โบว์เป็นลูกคนเดียว พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเล็ก ตา-ยายจึงดูแลมาตลอด โดยมีญาติที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงคอยให้ความช่วยเหลือ ตอนเด็กๆ น.ส.โบว์เป็นเด็กเลี้ยงง่าย เชื่อฟังผู้ใหญ่ ร่าเริงแจ่มใส แต่พอเป็นวัยรุ่นเปลี่ยนไปติดเพื่อนและคบเพื่อนชายหลายคน อารมณ์รุนแรง เคยทำร้ายตัวเอง เสพยาเสพติด หนีออกจากบ้าน และเลิกเรียนกลางคันตอนอยู่ ม.2
คุณตาบอกอีกว่า หลังติดตามหลานกลับมาได้ก็พาไปรักษาด้านจิตเวช ตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ปัจจุบันยังกินยาและอยู่ในกระบวนการบำบัดรักษา อารมณ์จะขึ้นๆ ลงๆ ที่จำเป็นต้องล่ามโซ่หลานเพราะกลัวว่าจะหนีออกจากบ้านไป มีแต่จะเป็นอันตราย แต่เมื่อหลานอารมณ์เย็นลงก็จะปล่อยเป็นอิสระ โดยการควบคุมดูแลได้ปรึกษาแพทย์อยู่ตลอด และถึงจะล่ามโซ่ไว้แต่หลานก็มีโทรศัพท์มือถือใช้อยู่ตลอดเวลา
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น โดย น.ส.พอลลีนยอมรับว่าตัวเองชอบหนีเที่ยวจริง และที่ติดต่อเพื่อนขอความช่วยเหลือเพราะไม่อยากอยู่บ้าน เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยังรักตายายเหมือนเดิม
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตายายและญาติทุกคน พร้อมทั้ง น.ส.พอลลีนมาประชุมร่วมกันเพื่อหาวิธีการปรับพฤติกรรมของ น.ส.พอลลีน ซึ่งญาติๆ ต่างลงมติจะไม่มีการล่ามโซ่หลานสาวคนนี้อีก ทุกคนจะช่วยกันดูแล น.ส.พอลลีนอย่างใกล้ชิด และฝ่ายปกครองในชุมชนจะช่วยสอดส่องพฤติกรรมและเฝ้าระวังความปลอดภัยช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาฯ จะได้ติดตามความคืบหน้าต่อไป