xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ตรวจฯกรมการปกครอง ลงพื้นที่บ้านบ้องตี้ สอบสวนชาวชาติพันธุ์ กรณีมีเรียกรับสินบนการต่อบัตร

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กาญจนบุรี - ผู้ตรวจฯกรมการปกครอง ลงพื้นที่บ้านบ้องตี้ สอบสวนชาวชาติพันธุ์ หลังอดีตกำนันดัง ร้องสอบ ผญบ.หมู่ 2 เรียกรับสินบนการต่อบัตร ส่วนเจ้าตัวเชื่อถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง

จากกรณีนายคฑาภณ สนธิจิตร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน (ประเทศไทย) ประธานเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตประพฤติมิชอบแห่งชาติพร้อมผู้บริหาร ได้นำนายประเทือง ทองเปราะ และ นายพิชิต ช้างแรงการ พร้อมตัวแทนชาวบ้าน(ชาติพันธุ์) หมู่ 2 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

เดินทางไปที่กรมการปกครอง (ปค.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) เพื่อเข้ายื่นหนังสือพร้อมหลักฐานคลิปวีดีโอ และรายชื่อการจ่ายเงิน เข้าร้องเรียนต่อ ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง ผ่านนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายบริหารและพัฒนาระบบงาน

โดยขอให้ทางกรมการปกครองตรวจสอบ นางรำพึง ทองเปราะ อายุ 43 ปี ตำแห่งผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เนื่องจากมีพฤติกรรมเรียกรับเงินในการต่อบัตร - ทำบัตรประจำตัวบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน(ชาติพันธุ์)

ล่าสุดวันนี้ (28 พ.ค.) นายวิรัตน์ ชัยสิทธิ์ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ผู้รับผิดชอบ พร้อมคณะกรรมการที่อธิบดีกรมการปกครองแต่งตั้งขึ้นมา ได้ลงพื้นที่สอบสวนข้อเท็จจริง โดยได้มีการนัดหมายกลุ่มผู้ร้องเรียน เอาไว้ที่ห้องประชุม อบต.บ้องตี้ หมู่ 1 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยมีนายประเทือง ทองเปราะ อดีตกำนันตำบลบ้องตี้ และ นายพิชิต ช้างแรงการ พร้อมตัวแทนชาวบ้าน(ชาติพันธุ์) จากหมู่ 2 ต.บ้องตี้ ประมาณ 30 คน เดินทางมาตามที่ได้นัดหมายเอาไว้

โดยหลังจากที่นายวิรัตน์ พร้อมคณะเดินทางมาถึง ก็ได้เข้าไปที่ห้องประชุม โดยยังไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เพราะข้อมูลข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏ เนื่องจากเพิ่งนำคณะกรรมการลงพื้นที่มาสอบสวนข้อเท็จจริงจากฝ่ายผู้ร้องเรียน ส่วนผู้ถูกร้องเรียนก็ยังไม่ได้ดำเนินการสอบสวนแต่อย่างใด สำหรับการสอบสวนข้อเท็จจริงในวันนี้ จะต้องสอบสวนครั้งละ 1 คน คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเย็น แต่หากไม่แล้วเสร็จก็จะนัดสอบสวนครั้งต่อไปในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ค.)

ทั้งนี้นายประเทือง ทองเปราะ อดีตกำนันตำบลบ้องตี้ อายุ 82 ปี เปิดเผยว่า ต้นเหตุของการร้องเรียนไปยังกรมการปกครอง เนื่องมาจากเมื่อวันที่ 22 ต.ค.61 หน่วยงานราชการได้เปิดให้บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน(กลุ่มชาติพันธุ์)ไปต่อบัตร แต่เมื่อทุกคนเดินทางไปต่อบัตร กลับถูกเรียกรับเงินคนละประมาณ 3,900 - 4,000 บาทบางคนไปขอทำสัญชาติไทยก็ต้องเสียเงินคนละ 5,000-7,000 บาท บางคนไปต่อบัตร 10 ปี ขอคืนสถานะผู้ที่ถูกจำหน่าย ก็ต้องเสียเงิน

การที่ตนลุกขึ้นมาทำเรื่องนี้เนื่องจากตนเห็นว่าเด็กพวกนี้ไม่มีทางที่จะไป ส่วนตนเองไม่ได้เดือดร้อนอะไร ในฐานะที่เคยเป็นผู้นำ เห็นเด็กๆพวกนี้ทุกวัน จึงคิดเหมือนลูกหลาน ที่ถูกเรียกร้องมากจนเกินไป จึงไปขอความเป็นธรรมจากกรมการปกครอง

สำหรับผู้ที่มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้ก็คือนางรำพึง ทองเปราะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บ้องตี้ ส่วนรายละเอียดทั้งหมด จะต้องรอดูว่าผู้ที่มาเป็นพยานเพื่อให้ข้อมูลกับคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจากส่วนกลาง ในวันนี้ว่าได้จ่ายเงินให้กับใครบ้าง

ด้านนางรำพึง ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า ข้อเท็จจริงผู้ใหญ่ได้ทำตามขั้นตอน ซึ่งมันไม่ใช่หน้าที่ของผู้ใหญ่ที่จะต้องไปรับรอง ถามว่าชาวบ้านที่มาก็คือมาขอร้องให้ผู้ช่วยใหญ่บ้านไปรับรอง แต่ที่ตนไป ในฐานะผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น

ถามว่าการเรียกรับเงินจากผู้ที่มาขอทำบัตรบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน(กลุ่มชาติพันธุ์)ตามที่ถูกร้องเรียน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ”นางรำพึง ตอบว่าการรับเงินไม่เคยมี แต่บางคนที่มีน้ำใจก็เพียงแค่เวลากินข้าวก็จะออกเงินให้ แค่นี้เอง

ผู้ร้องเรียนบอกว่าผู้ใหญ่เรียกรับเงินแม้กระทั่งชาติพันธุ์มายื่นขออนุญาตออกนอกพื้นที่ ที่ว่าการอำเภอ ครั้งละ 600 บาท เท็จจริงแค่ไหน”นางรำพึง ตอบว่า ไม่มี เพราะว่ากรณีนี้ตนรู้ดีว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง ประเด็นที่ 1 คือมีคนไม่ต้องการได้ผู้นำเป็นผู้หญิง ประเด็นที่ 2 คือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เรื่องได้เกิดมานานแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นตนมองว่าเป็นเรื่องกลั่นแกล้งกันมากกว่า

“ตนเองเสียความรู้สึกเช่นกันเพราะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้เพียงปีเดียว ก็อยากจะกออกสื่อเช่นกันเพราะต้องการให้เรื่องมันจบลงตรงนี้ หลังจากเป็นข่าวออกไปมีชาวบ้านหลายๆคนออกมาให้ความเห็นใจตน แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ซึ่งบางครั้งพี่น้องที่เป็นต่างด้าว ตนได้ให้ความรัก ความเคารพอย่างเสมอภาคกัน ตั้งแต่ทำงานมาตนไม่เคยคิดว่าจะแบ่งแยกกัน

ตนเองพึ่งเข้ามาทำงานมาแค่ปีเดียว จะไปมีบทบาทอะไรมากมาย แต่เราก็ได้เพียงแค่ให้ความรักความสามัคคีของคนในหมู่บ้านเท่านั้น สำหรับการสื่อสารเรื่องของภาษาก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ชาวต่างด้าวบางคนไปประชุมแต่สื่อสารไม่ได้ เขาก็กลับมาบอกอีกคนหนึ่งว่า ผู้ใหญ่พูดแบบนั้นแบบนี้ ตนอยู่ที่นี่มากว่า 20 ปีแล้วจึงรู้ว่าคนที่นี่เป็นอย่างไร อยู่กันแบบไหน และที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้

แต่เริ่มเข้าสู่สนามการเมือง มีบุคคลคนหนึ่งเข้ามาในหมู่บ้านทำให้ชาวชาติพันธุ์ของเรา มีความคิดไปอีกแบบหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจุดประสงค์ที่เขาเข้ามาทำอะไร เพื่ออะไร แต่ตนคิดว่า น่าจะเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า นางรำพึง กล่าว

ด้านนายเดโช ประกาศแก่นทราย นายอำเภอไทรโยค ที่ว่าการอำเภอไทรโยค เปิดเผยถึงเรื่องที่ถูกพาดพิงว่า”เรื่องนี้เป็นเรื่องมหากาพย์ คำว่ามหากาพย์ หมายความว่า มันมีผู้ร้องเรียนตั้งแต่เดือนตุลาคม ปลายปีที่แล้ว

โดยท่านอดีตกำนัน นายประเทือง ทองเปราะ มาร้องเรียนว่าผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบันคือ นางรำพึง ทองเปราะ นั้นเรียกรับผลประโยชน์ในการทำบัตรจากบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน โดยกล่าวอ้างว่ามีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก แต่ขอมาให้ปากคำจำนวน 23 ราย ซึ่งทางผมก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อสอบข้อเท็จจริง

ซึ่งได้เริ่มสอบข้อเท็จจริงมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว แต่ปรากฏว่ามีผู้มาให้ปากคำเพียง 11 ราย ที่เหลือไม่ยอมเดินทางมาให้ปากคำ ซึ่งทางอำเภอจึงได้มีหนังสือแจ้งไปถึงผู้ร้องคือนายประเทือง ทองเปราะ ว่าให้นำพาผู้เสียหายมาให้ปากคำ ถึง 2 ครั้ง ก็ยังไม่มีใครมา

เราจึงต้องบอกกรรมการว่า ให้ลองไปสอบปากคำถึงที่ เพราะทุกคนมีทะเบียนบ้าน และผลการสอบของคณะกรรมการมันยังชี้ชัดไม่ได้ว่ามีการ เรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งกรรมการได้รายงานผลการสอบขึ้นมาให้ตน จากนั้นตนจึงได้รายงานไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ไปตามข้อเท็จจริงที่คณะกรรมการรายงานมา

จากนั้นได้แจ้งให้ผู้ร้องทราบว่าการสอบสวนในชั้นนี้มันยังชี้ชัดไม่ได้ เพราะว่าผู้เสียหายที่มาให้ปากคำแต่ละรายนั้นบอกว่า ยังไม่ได้จ่ายเงินให้กับผู้ใหญ่บ้าน แต่ในสำนวนของคณะกรรมการพบว่ามีอยู่ 2 รายที่บอกว่าได้จ่ายเงินให้กับผู้ใหญ่บ้านไปแล้วประมาณ 10,000-10,500 บาท แต่มันเป็นลักษณะการกล่าวอ้างแบบลอยๆ

คณะกรรมการได้สรุปออกมาแล้วว่า ผู้ใหญ่บ้านยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงิน เมื่อตนได้รับรายงานจึงแจ้งให้ผู้ร้องทราบ รวมทั้งรายงานให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ และแจ้งให้สมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน (ประเทศไทย)ที่เขาตามเรื่องนี้อยู่

ทั้งนี้ในการแจ้ง ผู้ร้องได้บอกเอาไว้ว่า ถ้าหากมีประเด็นที่ยังไม่ครอบคลุมในประเด็นที่เขาร้องเรียน ก็ขอให้ส่งเข้ามา เพราะมันยังสอบสวนไม่จบ มันยังมีอีกหลายปาก ที่ยังไม่ได้สอบสวน และยังมีประเด็นที่กล่าวอ้างว่ามีการ จะเก็บเงินไปให้ปลัดอำเภอบ้าง รวมทั้งให้กำนันที่เรียกรับสัญชาติบ้าง ซึ่ง
ขณะนี้กระบวนการสอบสวนของทางอำเภอมันยังไม่จบ

กำลังโหลดความคิดเห็น