จันทบุรี - อบจ.จันทบุรี เตรียมงบ 10 ล้าน บูรณะซ่อมแซม "เรือรบหลวงโพธิ์สามต้น" เรือกวาดทุ่นระเบิดใกล้ฝั่งที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน และปัจจุบันได้เคลื่อนย้ายมาจอดที่อู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสิน ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัด
จากกรณีที่ พล.ร.ท.เชษฐา ใจเปี่ยม ผู้อำนวยการสำนักประสานภารกิจด้านความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กองทัพเรือ ได้นำคณะเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าตรวจสอบการใช้ประโยชน์จาก "เรือรบหลวงโพธิ์สามต้น" ที่เคยมีประวัติความเป็นมายาวนาน และเป็นกวาดทุ่นระเบิดใกล้ฝั่ง ความยาว 67.50 เมตร ความกว้าง 10.68 เมตร ที่ต่อขึ้นจากอู่ต่อเรือเลกเฟิร์นคอนสตรักชั่น เมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา ขึ้นระวางประจำการวันที่ 20 พ.ย. ปี 2490 ซึ่งปัจจุบันมีสภาพทรุดโทรม และได้ทำการเคลื่อนย้ายจากอู่กรมทหารเรือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ มายังอู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บ้านเสม็ดงาม จ.จันทบุรี ซึ่งถือเป็นสถานที่เดิมที่ใช้ต่อเรือเมื่อครั้งยกทัพไปตีพม่าเพื่อกู้เอกราช เมื่อ 6 ปีก่อน
แต่ปัจจุบันเรือลำดังกล่าวเริ่มมีสภาพทรุดโทรมเนื่องจากไม่มีงบประมาณในการบูรณะซ่อมแซม กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กองทัพเรือ จึงได้ประสานมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี เพื่อขอให้เป็นผู้ดูแลเรือลำดังกล่าว โดยมีเป้าหมายที่การบูรณะซ่อมแซมสำหรับเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดจันทบุรีนั้น
ล่าสุด วันนี้ (23 พ.ค.) นายธนภณ กิจกาญจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางลงพื้นที่บริเวณอู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต.หนองบัว เพื่อดูพื้นที่ที่จะนำเรือโพธิ์สามต้น ไปจอดสำหรับทำการบูรณะซ่อมแซม และเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัด
และจากการสำรวจ พบว่า มีพื้นที่ที่มีความเหมาะสมรวม 3 จุด คือ จุดแรกบริเวณเกาะกลางห่างจากฝั่งประมาณ 200-300 เมตร จุดที่ 2 บริเวณริมฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์อู่ต่อเรือสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และจุดที่ 3 บริเวณใกล้สะพานจุดชมวิว ซึ่งทั้ง 3 จุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำไปเป็นข้อมูลในการจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อสอบถามความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ต่อไป
นายธนภณ เผยว่า หลังจากจังหวัดจันทบุรี ได้รับภารกิจการถ่ายโอน "เรือรบหลวงโพธิ์สามต้น" จากกองทัพเรือ และเคลื่อนย้ายมาไว้ที่บ้านเสม็ดงามเมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน สภาพของเรื่อก็เริ่มเกิดความชำรุดทรุดโทรมเนื่องจากไม่มีงบประมาณในการดูแล องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี ซึ่งได้รับการประสานงานจากกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กองทัพเรือ ให้เป็นผู้ดูแลเรือลำนี้ จึงจำเป็นต้องหาพื้นที่เพื่อกู้เรือขึ้นมาจอด และหาจุดที่เหมาะสมสำหรับดำเนินการบูรณะซ่อมแซมเรือลำนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดจันทบุรีต่อไป
โดยขณะนี้ได้จัดเตรียมงบประมาณ จำนวน 10 ล้านบาท เพื่อดำเนินการซ่อมแซมโครงสร้างของเรือและบูรณะซ่อมแซมเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการทำประชาพิจารณ์สอบถามความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น