มหาสารคาม - เจ๋งมาก! ลูกชายผู้ใหญ่บ้าน ใน อ.วาปีปทุม ลูกจ้าง ม.ขอนแก่น ใช้เวลาว่างหยุดเสาร์-อาทิตย์ ใช้ที่ดินข้างบ้านปลูกองุ่น ผ่านไปแค่ปีครึ่งออกลูกดกเต็มสวนจนเก็บขายได้ ชาวบ้านทึ่งดินแห้งแล้งทำสวนผลไม้เมืองหนาวได้ด้วย
ในช่วงนี้ สวนองุ่น “ชิตินันท์” บ้านเลขที่ 35 หมู่ 23 บ้านหนองคูไชย ต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมสวนองุ่น ของนายสุรศักดิ์ จำปาเกตุ พนักงานอัตราจ้างมหาวิทยาลัยขอนแก่น ลูกชายผู้ใหญ่บ้านกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศในหมู่บ้านคึกคักเป็นพิเศษ เพราะสวนองุ่นแห่งนี้เป็นสวนผลไม้ที่สามารถเลือกซื้อได้ถึงในสวน ลิ้มรสกันสดๆ
นายสุรศักดิ์ จำปาเกตุ อายุ 33 ปี เจ้าของสวนองุ่นชิตินันท์ เล่าว่า ปัจจุบันตนทำงานประจำเป็นพนักงานอัตราจ้าง อยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ใช้เวลาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มาทำการเกษตรด้วยการทำสวนปลูกองุ่น เก็บผลผลิตขาย โดยจุดเริ่มต้นที่หันมาทำสวนปลูกองุ่นเกิดมาจากความชอบ รสชาติความหวานหอมขององุ่น วันหนึ่งได้ไปเดินเที่ยวงานเกษตรแฟร์ เห็นพ่อค้านำต้นพันธ์องุ่นมาวางขาย จึงซื้อมาทดลองปลูกหน้าบ้านจำนวน 2 ต้น
จากนั้นศึกษาข้อมูลการปลูกจากอินเทอร์เน็ต เริ่มดูแลใส่ปุ๋ย ไม่นานก็เจริญเติบโต มีดอก มีผลออกมาให้รับประทาน หลังจากนั้นเลยตัดสินใจขยายพันธุ์ปลูกอย่างจริงจัง
ที่สำคัญ ตนมีพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน จึงอยากจะมีแหล่งท่องเที่ยวให้ชาวบ้านมีรายได้เสริม หากมีสวนองุ่นสัก 1 แปลง ก็จะเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในหมู่บ้าน ก่อให้เกิดรายได้แก่ชุมชน จึงได้ลงมือปลูกโดยใช้แปลงว่างเปล่าข้างคอกวัว จำนวน 2 งาน ใช้เวลาวันเสาร์ และอาทิตย์ ในการปลูก เริ่มตั้งแต่เช้า จนถึงเย็น ซื้อพันธุ์องุ่นมาจากราชบุรี จำนวน 2 สายพันธุ์ คือ แบล็กโอปอ ลูกสีดำ ไร้เมล็ด และพันธุ์ไวด์มะระกา ลูกสีเขียว ส่วนเหตุผลที่เลือกเอา 2 พันธุ์นี้ เพราะว่าดูแลง่าย และทนต่อสภาพอากาศ เป็นที่นิยมของลูกค้า
สำหรับขั้นตอนการปลูกเริ่มจากการเตรียมแปลง ไถยกร่องเพื่อไม่ให้น้ำท่วมถึง จากนั้นขุดหลุม กว้าง 30 เซนติเมตร ลึก 30 เซนติเมตร หลุมห่างกัน 50 เซนติเมตร นำปุ๋ยคอกผสมแกลบรองที่ก้นหลุม จากนั้นนำต้นพันธุ์ลงปลูก เมื่อมียอดขึ้น ให้เด็ดยอดทิ้ง เหลือยอดที่แข็งแรงไว้เพียง 1 ยอดเท่านั้น เมื่อองุ่นโตได้ 1 ปี ก็จะทำค้าง
จากนั้นก็เลี้ยงกิ่งพันธุ์ต่อไปจนมีอายุ 1 ปี 6 เดือนก็เริ่มออกผลผลิต สำหรับการให้น้ำ ตนใช้ระบบน้ำหยด ส่วนปุ๋ยใส่เพียงปุ๋ยคอก และน้ำหมักชีวภาพเท่านั้น โดยปุ๋ยคอกได้มาจากคอกวัวของพ่อซึ่งอยู่ติดกันกับสวนองุ่น
แปลงองุ่นแปลงนี้ ถือเป็นแปลงแรก ซึ่งตนถือว่าเป็นมือใหม่ ดูแลมาได้ 1 ปี 6 เดือน สามารถมีผลผลิตออกมาจนเกินความคาดหมาย ออกลูกดกเต็มต้น มองไปทางไหนก็มีแต่พวงองุ่น
“ในตอนแรกชาวบ้านไม่เชื่อว่าพื้นที่แห้งแล้งจะปลูกองุ่นได้ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่า องุ่นปลูกได้เฉพาะเมืองหนาว พอผลผลิตชุดแรกออกจำหน่าย มีเพื่อนบ้าน แวะเวียนมาซื้อถึงสวน” นายสุรศักดิ์ กล่าวและบอกอีกว่า
นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าในตัวอำเภอวาปีปทุม และอำเภอใกล้เคียงที่ทราบข่าวเดินทางมาเที่ยวชมสวน พร้อมกับตัด และชิมกันสดๆ ก่อนเลือกซื้อกลับบ้านอีกด้วย โดยขายองุ่นพันธุ์แบล็กโอปอ ราคากิโลกรัมละ 170 บาท ส่วนพันธุ์ไวด์มะระกา กิโลกรัมละ 150 บาท โดยรอบนี้จะมีจำหน่ายไปจนถึงต้นเดือนมิถุนายนนี้ หากนักท่องเที่ยวสนใจแวะชมสวนองุ่น สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 086-8244727