ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกฯ นาจอมเทียน ชี้ดรามาปัญหาน้ำเสียทะลักหาดจอมเทียน จ.ชลบุรี แค่อุบัติเหตุพร้อมยืดอกรับผิดชอบ ยันระบบระบายน้ำออกแบบสมบูรณ์พร้อมส่งเข้าสู่การบำบัดแต่ติดปัญหาเอกชนเจาะวางท่อทำระบบเทศบาลฯชำรุด เบื้องต้นเร่งหาทางแก้ไขหลายแนวทาง
วันนี้ (21 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุน้ำเสียทะลักหาดจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จนเกิดการถ่ายภาพและคลิปวิดีโอเผยแพร่ลงโลกสังคมออนไลน์ ทำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนายอำเภอสัตหีบ ต้องเรียกประชุมด่วนพร้อมกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในหลายแนวทางว่า ล่าสุด นายอนุชา อินทศร นาย อำเภอสัตหีบ พร้อมด้วย นายสมพงษ์ สายนภา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนาจอมเทียน ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลนาจอมเทียน เพื่อวิธีการแก้ไขปัญหาน้ำเสียลงทะเลอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรม
โดยมีหน่วยงานต่างๆ อาทิ สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง ,กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ,ตัวแทนฝ่ายปกครอง,ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่เทศบาลฯ เข้าร่วม
นายอนุชา อินทรศร นายอำเภอสัตหีบ กล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้นได้สร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของ อ.สัตหีบ และเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก โดยปัจจัยสำคัญมาจากการที่เทศบาลฯ ซึ่งมีระบบระบายน้ำเสียเองแต่กลับไม่มีระบบบำบัด จนต้องประสานงานไปยังเมืองพัทยาเพื่อขอส่งน้ำเสียไปบำบัดและกำลังรอทำ MOU เรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมร่วมกัน
อย่างไรก็ตามมาตรการเร่งด่วนที่ต้องเร่งรัดดำเนินการ คือ 1. การจัดทำความสะอาดบริเวณจุดที่เกิดปัญหาและแนวชายหาดทั้งหมด 2.เมื่อยังไม่สามารถระบายน้ำเข้าสู่ระบบบำบัดของเมืองพัทยาได้เนื่องจากระบบปั้มและสถานีสูบชำรุด ก็ต้องเร่งแก้ไขและในช่วงรอการดำเนินการ ด้วยการประสาน เมืองพัทยา ให้นำรถมาสูบน้ำเสียค้างท่อทั้งหมดเพื่อขนส่งบำบัดเป็นการชั่วคราว ซึ่งหลังเกิดปัญหาได้มีการงานจนทำให้ปริมาณน้ำค้างท่อลดลง
และ 3.เร่งประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากประชาชน รวมทั้งการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจซึ่งมอบหมายให้ผู้นำชุมชน ออกตรวจสอบเฝ้าระวังการลักลอบทิ้งน้ำเสียจากบ้านเรือนและสถานประกอบการ รวมทั้งให้เทศบาลฯ ตรวจเช็คปริมาณค้างท่อสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำเสียไหลสู่ทะเลอีก
“ที่สำคัญจะมีการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจจากทุกภาคส่วนออกตรวจสอบสถานประกอบการทั้ง โรงแรมขนาดใหญ่ในพื้นที่นาจอมเทียนที่มีทั้งสิ้น 4 โซน รวม 38 โรง เพื่อตรวจดูระบบบำบัดน้ำเสียว่ามีมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดก่อนปล่อยเข้าสู่ระบบระบายน้ำหรือไม่ ซึ่งหากพบการกระทำผิดก็จะดำเนินการให้แก้หรือลงโทษตามกฎหมาย” นายอนุชา กล่าว
นำกระสอบหลายร้อยลูกปิดกั้นประตูระบาย แก้ปัญหาน้ำเสียไหลงลงทะเลในเบื้องต้น
ด้าน นายสมพงษ์ สายนภา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนาจอมเทียน กล่าวว่าปัจจุบัน เทศบาลฯ ได้จัดสร้างระบบระบายน้ำไว้ทั่วทั้งพื้นที่แล้ว โดยมีสถานีสูบ 12 จุด เพื่อนำไปบำบัดยังโรงบำบัดที่ได้รับงบประมาณดำเนินการจำนวน 140 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ แต่ปรากฏว่ายังติดปัญหาเรื่องการทำประชาพิจารณ์ที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากประชาชน จึงทำให้ระบบระบายน้ำเสียไม่สามารถ ส่งไปบำบัดได้
“จนเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาก็มีปัญหาน้ำเสียค้างท่อที่ยังไม่มีการสูบเพื่อนำไปบำบัดไหลลงสู่ทะเลบริเวณปลายชายหาดจอมเทียน จนต้องประสานกับเมืองพัทยาเพื่อขอต่อเชื่อมระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ซอยวัดบุญกัญจนาราม ที่มีขีดความสามารถในการรองรับน้ำเสียจากเทศบาลนาจอมเทียนได้ในปริมาณเฉลี่ยวันละ 2,500-3,000 ลบ.ม.และมีข้อตกลงว่าจะทำ MOU เรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเฉลี่ย ลบ.ม.ละ 7 บาท และได้ดำเนินการต่อเชื่อมไปแล้ว ”
โดยขณะที่เทศบาลฯ ได้ทดสอบระบบและการส่งน้ำไปบำบัดแล้ว และเมืองพัทยาก็ให้ความร่วมมือด้วยดี แต่ปรากฏว่าขณะที่กำลังดำเนินการได้มีภาคเอกชนรายหนึ่งทำการเจาะผิวจราจรเพื่อวางระบบสื่อสารจนไปกระทบกับระบบท่อระบายของโครงการฯจนเกิดการชำรุด จึงได้เร่งรัดให้แก้ไขซึ่งใช้เวลานานหลายเดือนจนเกิดปัญหาน้ำค้างท่อและเมื่อมีปริมาณมากขึ้นผสมกับฝนที่ตกลงมาจึงทำให้น้ำไหลทะลักลงสู่ทะเลจนเป็นข่าว
นายสมพงษ์ ยังกล่าวอีกว่าขณะนี้ปัญหาต่างๆ ได้บรรเทาลงแล้วและถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ จึงไม่อยากให้เกิดดรามาในกระแสสังคมมากนักเพราะได้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ที่สำคัญเทศบาลฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจและได้มีการนำกระสอบจำนวนหลายร้อยกระสอบไปปิดกั้นประตูระบายที่ไหลลงสู่ทะเลแล้ว พร้อมทั้งให้มีการสูบน้ำเสียขนส่งโดยรถไปบำบัดที่เมืองพัทยา
จากนั้นจึงเร่งทำการซ่อมระบบสูบทั้ง 12 สถานี ที่มอบหมายให้ผู้รับเหมาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ก่อนจะเปิดเดินระบบอย่างเป็นทางการเพื่อส่งน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดของเมืองพัทยาต่อไป
“ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นก็ต้องขอรับผิดชอบในความผิดพลาด แต่ยืนยันว่าจะไม่มีกรณีเกิดขึ้นอีกในอนาคตอย่างแน่นอน” สมพงษ์ กล่าว