xs
xsm
sm
md
lg

“ครูปุ้ม” เปิดใจละเอียดยิบ เผยชีวิตรัก 27 ปี กับชลธี ธารทอง เราอยู่ด้วยกันเพราะความรัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กาญจนบุรี - “ครูปุ้ม” อดีตคู่ชีวิต ชลธี ธารทอง เปิดใจละเอียดยิบ เผยชีวิตรัก 27 ปี เราอยู่ด้วยกันเพราะความรัก หลังชลธี ธารทอง ศิลปินแห่งชาติ ฟ้องหย่าไปมีรักใหม่กับเด็กคราวลูก


จากกรณี นายสมนึก ทองมา หรือชลธี ธารทอง อายุ 83 ปี ศิลปินแห่งชาติชื่อดัง ได้ขึ้นศาลฟ้องหย่านางศศิวิมล หรือครูปุ้ม ทองมา อายุ 51 ปี ภรรยาที่อยู่กินกันมาเกือบ 30 ปี จากนั้นเตรียมที่จะแต่งงานใหม่กับ น.ส.สกุลนัฐธิดา หรือเกด แจ้งประสงค์ หญิงสาวรุ่นลูก อายุ 29 ปี ที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้

ล่าสุด นางศศิวิมล หรือครูปุ้ม ทองมา เผยถึงชีวิตรักทั้งน้ำตา ว่า ตนเองได้ แต่งงานกับครูชลธี ธารทอง มา 27 ปี รักครูชลธี เหมือนเทพ ครูชลธี อยู่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ครูชลธี เจ็บครูปุ้มเจ็บด้วย ครูชลธีป่วย ครูปุ้มป่วยด้วย เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะความใคร่ แต่เราอยู่ด้วยกันเพราะความรัก ครูชลธี เป็นคนดีมาก และเอาใจใส่ครูปุ้มเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน และไม่เคยบกพร่องเลยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี

ในส่วนของบ้านหลังนี้ครูปุ้มก็จะดูแลทุกอย่าง เมื่อก่อนจะมีแม่บ้านคอยดูแล แต่ถ้าไม่มีครูปุ้ม ก็ทำกับข้าวเอง จะดูแลเรื่องอาหารการกินของครูชลธี ครูชลธี อยู่บ้านหลังนี้อยู่เหมือนกับเทวดา เพราะครูปุ้มไม่ให้ท่านทำอะไรเลยนอกจากเคี้ยวข้าว

ทุกเช้าของทุกวันครูชลธี จะต้องมีชุดอยู่บนเตียง รวมทั้งถุงเท้า รองเท้า และมีกางเกงชั้นในพร้อม เมื่อครูชลอาบน้ำเสร็จ แต่บางครั้งนุ่งกางเกงเองไม่ได้ ครูปุ้มก็จะเป็นคนใส่ให้ นี่คือกิจวัตรที่ครูปุ้มทำให้ครูชลธี ตลอดมา 27 ปี จนเกิดเป็นเพลงผู้หญิงคนสุดท้าย ซึ่งครูชลธี บอกครูปุ้ม ว่าจะไม่รักใครอีกแล้ว

ด้วยครูปุ้มอยู่กับครูชลธี ด้วยความดี เรามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ครูชลธี มีเงินติดตัวมาเพียงแค่ 3 แสน หลังจากที่ซื้อบ้านหลังนี้เราก็ได้มาอยู่ด้วยกัน แล้วก็ผ่อนบ้านด้วยกัน ล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เราไม่มีเงิน ครูชลธี ได้ถอดสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท จากคอไปขาย เพื่อนำไปผ่อนรถและก็ผ่อนบ้าน นี่คือเรื่องจริง เวลามีคดี ครูปุ้มก็ช่วยเรื่องเอกสารทุกอย่าง และนอกจากนี้ จะต้องดู คิวงานคิวเพลง คิวหมอ โดยจะดูแลตั้งแต่ครูชลธี กินข้าวหรือยัง เมื่อครูปุ้มไปโรงเรียน หลังเลิกเรียนแล้วก็จะต้องรีบกลับมาที่บ้านเพื่อมาดูแลท่าน

แต่เมื่อมาถึงวันที่ 16 มิ.ย.2560 มีผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นดารารุ่นเก่าโทร.มาหาครูปุ้ม และบอกว่า ฝากเด็กมาเป็นนักร้อง ซึ่งครูปุ้มก็ไม่ได้คิดอะไร การรับเด็กมาเป็นนักร้อง ก็คืองานของสามี จึงมีการนัดคุยกันที่ห้องอัดเหม่งจ๋าย ซึ่งก็ไปกับคนขับรถ ซึ่งครูปุ้มก็ไม่ได้คิดอะไร

ส่วนตัวแล้วครูปุ้มขอบอกเลยว่า ครูปุ้มไม่เคยหึงหวงครูชลธี เพราะครูปุ้มเชื่อมั่น ในความดีของครูปุ้ม จากกระแสข่าวที่ไปบอกว่าครูปุ้ม แย่งยื้อกีดกัน ไม่ให้ครูชลธีถ่ายรูปกับแฟนเพลง บอกเลยไม่มีเลยค่ะ

ทุกครั้งที่ครูปุ้มไปงาน ครูปุ้มก็จะเป็นคนประคองครูชลธี บางครั้งแฟนคลับมา แต่ครูชลธีไม่เห็น ครูปุ้มก็จะบอกว่า พ่อๆ ช่วยถ่ายรูปกับเขาหน่อยนะ โดยครูปุ้มเป็นตากล้องให้เสร็จสรรพ เอาเป็นว่าวันนี้ ที่ว่าครูปุ้มกีดกัน ขอให้หาแฟนเพลงคนใดก็ได้จากทั่วประเทศ ที่เจอครูปุ้มกีดกัน ให้โทร.มาหาครูปุ้ม ที่หมายเลข 08-9549-3910 เพื่อที่เราจะได้ไปเป็นพยานศาลกัน

หากมาเราจะมีเงินให้เลย เพราะต้องการความจริง ไม่ชอบพูดโกหก เราเป็นครู ถ้าพูดโกหก คงสอนนักเรียนไม่ได้ และการที่ต้องออกมาเปิดใจในวันนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะอยากดัง ไม่ใช่อยากเป็นข่าว แต่ 2 สิ่งที่เป็นห่วงก็คือชื่อเสียงของครูชลธี ธารทอง กับเด็กๆ ที่เป็นนักเรียนของตนเอง หวังว่าทุกคนคงเข้าใจ เมื่อครูชลธี มารู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง เชื่อว่าทุกคนคงรู้กันแล้ว ก็เริ่มมีอะไรที่มันแปลกๆ ขึ้น รวมทั้งไลน์ มาหาครูธลธี ว่า “ที่รักกินข้าวบ้างนะ ที่รักออกกำลังกายบ้างนะ”

จากนั้นเราก็เริ่มมีเบาะแสแล้วทุกอย่าง แต่ไม่ขอบอกว่าคนที่ให้เบาะแสมานั้นเป็นใคร แล้วทุกอย่างมันก็จะจบลงเองด้วยหลักฐาน ถามว่ามีหลักฐานอะไร ตอบได้เลยว่าครูปุ้มมีหลักฐานทั้งหมด มีทั้งคลิปเสียง ทั้งรูปภาพ ทั้งหลักฐานที่เป็นพยานบุคคล

ครูปุ้ม บอกเลยว่า ถ้าเป็นคนไม่ดี ครูชลธี ธารทอง คงไม่แต่งเพลง ผู้หญิงคนสุดท้าย รวมทั้งที่ไปออกรายการทีวี เช่น น้ำผึ้งพระจันทร์ รายการอยู่เป็นลืมป่วย ซึ่งรายการเหล่านี้จะเอาคู่ของพี่ไปออกทีวี และถ้าพี่ทำตัวไม่ดี หน่วยงานของพี่ต้องไล่ออกแน่

ครูปุ้มทำตัวดีมาโดยตลอด แต่บางครั้งก็ต้องแกล้งทำโง่ เพื่อรักษาสถานะของครอบครัว ครูชลธี จะรู้ไหมว่าครูชลธี กำลังทำอะไรอยู่ ครูชลธี กำลังทำลายหัวใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเขามากที่สุด เขาทำลายลงได้อย่างไร ทำลายแบบไม่มีเยื่อใย

ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีปัญหากันจะถามว่าปุ้มผิดอะไร เขาก็บอกว่าเธอไม่ผิด ฉันผิดเอง นี่คือคำพูดของครูชลธี แต่ทำไมคุณจะคบกัน หรือคุณจะมีอะไรกัน ทำไมคุณต้องไลฟ์สดโชว์ และขณะที่คุณไปเที่ยวกัน กอดคอกัน ครูปุ้มต้องนอนร้องไห้อยู่ในห้องนอน นี่คือเรื่องจริง

แต่ที่มีชีวิตรอดมาทุกวันนี้ เพราะมีเพื่อนคอยให้กำลังใจ โดยเฉพาะกำลังใจจากเพื่อนครูโรงเรียนวีรศิลป์ กำลังใจจากน้องๆ กำลังใจจากคนลูกทุ่ง ที่คอยให้กำลังใจมาตลอด การที่ต้องออกมาร้องไห้ตรงนี้ ไม่ได้มาดรามา เพราะไม่ได้ร้องไห้มานานแล้ว

แต่เพราะว่า วันนี้ได้เห็นข้อความที่เขากล่าวหาครูปุ้ม ทุกอย่าง ทำเพื่ออะไร เขาสองคนรู้ตัวดีว่าอะไรเกิดขึ้น ทุกคนโกหกคนอื่นได้ แต่ทุกคนไม่สามารถโกหกตัวเองได้ ครูปุ้มอยู่ที่นี่คนเดียวมาปีกว่าๆ ไม่เคยไปคบชู้สู่ชายฉันกล้าสาบาน ไม่เคยเอาใครมานอนเลยทั้งที่มีโอกาส เพราะฉันอยู่คนเดียวจะเอาใครมานอนก็ได้ แต่ฉันไม่เคยทำ

แล้วยังมากล่าวหากันไปต่างๆ นานา การกล่าวหาในเรื่องที่ไม่จริง เช่น เรื่องคอนเสิร์ต ข้อกล่าวหาที่ว่าดิฉันไปทำร้ายครูชลธี ธารทอง แล้วมีบาดแผลโชว์ วันนั้นมีบุคคลสำคัญทั้งสิ้น 4 คนนี้อยู่รอบตัวดิฉันเลย เพราะทุกคนห่วงใย เพราะรู้ว่ามีอีกหญิงคนหนึ่งเข้ามาในงาน พร้อมกับกลุ่มเพื่อน 80 คน ซึ่งดิฉันบอกเลยว่าที่พูดมา ช่วยหาหลักฐานมาด้วย

คนที่มา 80 ท่าน ก็มาหาครูปุ้ม คือครั้งแรกเขาไม่รู้ว่าเราเป็นภรรยาของครูชลธี ซึ่งเขาบอกว่าขอบัตรเข้าชมคอนเสิร์ต 80 ใบ แต่เราบอกไปว่าไม่มี เพราะบัตรเต็มหมดแล้ว แต่ด้วยภาระและหน้าตาของสามี เราต้องไปอ้อนวอนกับกรมส่งเสริม ว่า พี่คะขอบัตรเพิ่มอีก 80 ใบ ซึ่งก็ได้มา

เมื่อกลับมาถึงบ้านกลับมาบอกว่าดิฉันเกรี้ยวกราดไปทั่วงาน อีกทั้งยังบอกว่าฉันอ้างตัวว่าเป็นภรรยาของชลธี ธารทอง ถามว่าฉันผิดไหมที่ฉันอ้างตัวว่าฉันเป็นภรรยาของ ครูชลธี ธารทอง นี่คือประเด็นเรื่องที่ 1 ที่หาว่าดิฉันทำร้ายครูชลธี ธารทอง

เรื่องที่ 2 คือเรื่องของเครื่องเสียง มีการไปบอกเรา โวยวายไม่ให้เริ่มการแสดง จนการแสดงต้องหยุดไป 1 ชั่วโมง ซึ่งมีหลักฐานเอกสารของกรมส่งเสริม ที่ชี้แจงว่าการแสดงหยุดลงเพราะอะไร และทางออแกไนซ์ ก็พร้อมที่จะให้ข้อมูล ไม่ได้โจมตีใครนะ ต้องเรียกศักดิ์ศรีของตนเองคืนมา เรียกความถูกต้องของดิฉันคืนมา

เมื่อคืนมีการลงข่าว กล่าวหาว่าครูปุ้ม ด่าถึงบุพการี ข้อกล่าวหานี้รู้สึกหนักมาก ถามได้เลยว่าที่บ้าน หมาแมว ยังไม่เรียกมันว่าอี หรือไอ้ เลย

ปัจจุบันครูปุ้ม เอารูปของบุพการีของครูชลธี ไว้บนหัวนอน แล้วกราบไหว้ทุกวัน แล้วยังภาวนาด้วยว่า ขอให้ทุกอย่าง คือลูกของท่านกลับมาเถอะ กลับมาอยู่กับสิ่งดีๆ นี่คือประเด็นที่ 2 และยังมีประเด็นอีกว่ามีการตบตีกันจนกระจกบาดเท้า

วันนี้ครูปุ้มขอแก้ข้อกล่าวหาแค่ 2-3 ประเด็น ที่เหลือไม่ใช่ไม่มี เพราะที่เหลือทนายความขอเอาไว้ แต่ที่ต้องแก้เร่งด่วนในประเด็นที่ว่ามา เพระวันอังคารนี้ ต้องไปโรงเรียนจะได้ไปตอบลูกๆ ของดิฉันได้ว่าดิฉันไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น

ขอฝากถึงครูชลธี ว่า ถ้าคุณไม่คิดถึงอะไรก็ขอให้คิดถึงความถูกต้อง คุณทำอะไรคุณจะพูดอะไรอย่าให้ใครได้จูงให้คุณไปพูดเช่นนั้น เช่นนี้ จนลืมเวลาที่อยู่ด้วยกันมามากกว่า 20 ปี

ตลอดกว่า 20 ปี เราเคยทำอะไรให้กัน ซึ่งที่ผ่านมาครูชลธีป่วยบ่อยมาก ครูปุ้ม เป็นคนพาเข้าโรงพยาบาลประจำจนหมอที่ศิริราช และหมอธนบุรีจำหน้าได้หมด มีอยู่วันหนึ่งน้องที่อยู่เคาน์เตอร์ของโรงพยาบาลโทร.มาบอกว่าพี่ปุ้มทำไมพี่ปุ้มไม่มาโรงพยาบาล ก็ถามกลับไปว่าใครมาเจ้าหน้าที่ก็บรรยายเรื่องราวให้ฟัง

ฉะนั้น การกล่าวหากันหลักๆ เลยคือ การกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกาย กล่าวหาว่าครูปุ้ม หึงหวง และการกล่าวหาว่าด่าบุพการี เรื่องนี้ขอให้ทั้งคู่หยุดพูด เพราะมันจะเป็นการทำร้ายคนที่เขาไม่ได้ทำ แล้วถ้าบอกว่าด่าถึงบุพการี เอาหลักฐานมาด้วย

ในขณะที่ครูชลธี อยู่กับครูปุ้ม ไม่เคยมีคำนี้ออกมาจากปากเลย แล้วทำไมมีคำนี้ออกมาเมื่อไปอยู่ที่อื่น อยากจะถามเหมือนกัน ทุกคนไม่จำเป็นต้องเชื่อครูปุ้ม แต่ขอให้มาสัมผัสกับครูปุ้มจริงๆ อยู่ในโรงเรียน ครูปุ้มสอนนักเรียนตลอดว่าใครพูดไม่เพราะจะเป็นเรื่องที่ครูปุ้มโกรธมาก ฉะนั้นทุกประเด็นในสำนวนที่ดิฉันได้รับ เป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมาทั้งสิ้น

ถามว่าดิฉันหมดรักไหม ตอบได้เลยว่าหมดรัก หมดในฐานะคนรัก แต่รักในฐานะ คนที่เป็นบุคคลสำคัญของชาติ และได้พูดกับน้องที่บ้านตลอดว่า ดูซิวันนี้เขาจะพูดอะไร เสร็จแล้วกระแสสังคมก็โถมกันเข้ามาตลอด

เรื่องทั้งหมดอยากให้นักข่าวไปดูใน Facebook ของเขาแล้วจะเจออะไร ซึ่งถ้าเห็น Facebook คุณจะไม่ต้องถามเลยว่า ทั้งคู่เขาเป็นอะไรกัน และถามว่าทำไมเราเคยเกาะคู่เคียงข้างออกงานอย่างสง่างาม แต่ทำไมตอนนี้มีอีกคนไปออกงานด้วย ทำไปเพื่ออะไร อย่าบอกว่าไม่รู้นะ แล้วบอกได้เลยว่าเราไม่เคยได้ทะเลาะกันเลย อยากรู้ข้อมูล ถามคนขับรถได้เพราะเมื่อคนขับรถรู้เรื่องถึงกับร้องไห้ และน้องทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างก็ร้องไห้เสียใจกันทุกคน

ครูปุ้ม บอกเลยนะว่าครูปุ้ม รักครูชลธี รักมาก รักมากรักเท่าชีวิต ตายแทนได้ ไม่ได้มาดรามา ถ้าไม่รักพี่ไปนานแล้ว แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าอยู่ตรงนี้ ห่วงบ้านหลังนี้เหรอ ครูปุ้มห่วงเรื่องของลิขสิทธิ์เหรอ บอกไว้เลยนะ วันที่ 7 เดือนตุลาคม ปี 2560 ครูชลธี ธารทอง พูดเอาไว้ว่าบ้านหลังนี้ฉันจะยกให้เธอ พ่อจะยกให้ปุ้ม จะทำพินัยกรรม เพราะปุ้มเหนื่อยมากับพ่อนานแล้ว

ตอนนี้มีคนถามว่า ถ้าครูชลธี ไปเช่นนี้ แต่สุดท้ายแล้วไปไม่ไหว แล้วมีคนเอามาทิ้งไว้ที่บ้าน พี่ปุ้มจะรับเอาไว้ไหม พี่ปุ้มตอบไปว่ารับ เพื่อจะได้ดูแลเขา นี่คือการพูดจากใจ พี่ทิ้งไม่ได้หรอก หมาพี่ยังเลี้ยงได้ ทำไมคนที่เคยรักและคนที่ให้โอกาสพี่มาโดยตลอดจะเลี้ยงไม่ได้

“ยอมรับว่าครูชลธี ธารทอง ให้พี่ทุกอย่างไม่ว่าบ้าน รถยนต์ สร้อยแหวนเงินทองให้หมด แต่ถามว่ามันจะกลับมาเหมือนเดิมไหม มันก็เหมือนแก้วที่มันร้าวเมื่อมันแตก มันก็คงจะไม่เหมือนเดิม บอกเลยว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เป็นของครูปุ้ม หากในอนาคตข้างหน้าพี่เป็นอะไรไป ครูปุ้มจะให้ลูกเขาทั้งสองคน รวมทั้งหลานด้วย ไม่ได้มาดรามา หรือว่าอะไรทั้งสิ้น เพราะพี่ไม่มีลูกกับครูชลธี แล้วลูกเขาก็ดีกับพี่ด้วย”

กำลังโหลดความคิดเห็น