จ.กาญจน์ เข้าช่วยครอบครัวนางสาวใสใจ หลังเขียนหนังสือขอพระราชทานความช่วยเหลือ

กาญจนบุรี - ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับอำเภอไทรโยค เข้าช่วยเหลือครอบครัวของนางสาวใสใจ ได้เขียนหนังสือกราบบังคมทูลสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ ขอพระราชทานความช่วยเหลือในการรักษาลูกสาว

วันนี้( 15 พ.ค.) นายธวัชชัย ยอดฉัตร ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นางพิมพรรณ ระงับทุกข์ นิติกร ชำนาญศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี พ.อ.บุญยิ่ง คงเกตุ หัวหน้าฝ่ายข่าวกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปเยี่ยมนางสาวใสใจ คุ้มสดวก พร้อมบุตรสาว 2 คน และหลานสาว 1 คน อาศัยอยู่ที่ บ้านเลขที่ 17 หมู่ 3 ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมทั้งได้พูดคุยสอบถามความต้องการที่จะขอรับการช่วยเหลือ ซึ่งนางสาวใสใจฯ ได้ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เพราะมีหน่วยงานลงมาช่วยเหลือ

นางสาวใสใจ คุ้มสะดวก มีบุตรสาว 2 คน คนโตป่วยเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ ไม่สามารถรักษาโรงพยาบาลในจังหวัดได้ จึงต้องพาบุตรสาวคนโตไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ปัจจุบันหมอนัด 4 เดือนครั้ง เมื่อถึงเวลาหมอนัด นางสาวใสใจ จะขี่รถจักรยานยนต์โดยให้บุตรสาวนั่งซ้อนท้าย ออกจากบ้านประมาณ ตี 2 ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในเมืองกาญจนบุรี ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร แล้วนำรถไปจอดในเมือง จากนั้นนั่งรถประจำทางไปโรงพยาบาลศิริราช ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อยู่ประมาณ 2,000 บาทต่อครั้ง ปัจจุบันนางสาวใสใจ มีรายได้จากการเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านเดือนละ 1,000 บาท และมีรายได้จากการรับจ้างนวดบ้าง แต่รายได้ไม่คงที่ ทำให้รายได้ไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังต้องดูแลแม่และหลานสาวด้วย

นางสาวใสใจ จึงได้เขียนหนังสือกราบบังคมทูล สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขอพระราชทานความช่วยเหลือ เรื่องค่าเดินทางพาลูกสาว ไปรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษที่โรงพยาบาล ศิริราช ขอพระราชทานทุนการศึกษาให้แก่บุตรสาว รวมทั้งขอพระราชทานความช่วยเหลือ เรื่องการปรับพื้นที่ดินบริเวณบ้านและขอพระราชทานความช่วยเหลือเรื่องการขอเลขที่บ้าน

ทั้งนี้ในการช่วยเหลือเบื้องต้นจังหวัดได้เคยมอบหมายให้ อำเภอไทรโยคดำเนินการขอบ้านเลขที่ องค์การบริหารส่วนตำบลศรีมงคล ได้เข้าปรับพื้นที่ให้บางส่วนแล้ว เหลือเพียงการดำเนินการเปลี่ยนทิศทางน้ำ ไม่ให้ไหลเข้าหมู่บ้านและบ้านผู้ร้อง และทางสำนักงานสาธารณสุขอำเภอไทรโยค จะตรวจสอบว่า บุตรสาวคนโตของนางสาวใสใจฯ สามารถรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษที่โรงพยาบาลในจังหวัดกาญจนบุรีได้หรือไม่ ถ้ารักษาได้ก็จะให้รักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัด เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

หากรักษาไม่ได้ ก็ต้องให้รักษาที่โรงพยาบาลศิริราชเหมือนเดิม ซึ่งหมอนัดอีกครั้ง ในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ โดยในวันนัดได้มอบหมายให้องค์การบริหารส่วนตำบลศรีมงคล นำรถยนต์มารับส่ง น.ส.ใสใจและบุตรสาว ไปส่งในเมืองกาญจนบุรี เพื่อขึ้นรถประจำทางไปยังโรงพยาบาลศิริราช โดยไม่ต้องขี่รถจักรยานยนต์กับบุตรสาวออกจากบ้านแต่เช้ามืดเหมือนเดิม เพราะเสี่ยงกับการเกิดอันตราย

ส่วนเรื่องทุนและการศึกษาของบุตรสาว สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี จะนำเข้าที่ประชุมให้คณะกรรมการพิจารณาในการช่วยเหลือต่อไปพร้อมทั้งช่วยเหลือสงเคราะห์ครอบครัว ด้านอาชีพ อำเภอไทรโยค จะช่วยหาอาชีพให้โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรีจะได้ประสานแรงงานจังหวัดกาญจนบุรีด้วยอีกทางหนึ่ง เพื่อให้ผู้ร้องได้มีอาชีพ มีรายได้นำไปชำระเงินกู้ที่ค้างอยู่จำนวน 50,000 บาท จากกองทุนเงินล้านต่อไป