xs
xsm
sm
md
lg

บุกพิสูจน์ชะตา “พังมีนา” ปางช้างดังเชียงใหม่..จ่อฟ้องสื่อนอกกุข่าว-คนแชร์ต่อยัดข้อหาทารุณสัตว์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ตามพิสูจน์ชะตากรรม “พังมีนา-ช้างน้อยวัย 4 ขวบ” หลังนิตยสารสารคดีหัวนอกยกปมสับตะขอ-ล่ามโซ่ถล่มวงการช้างไทย คนแชร์ต่อซัดปางช้างดังแม่แตง-เชียงใหม่ล่ามติดเสา-ทารุณกรรมจนผอมโซ ทั้งที่ผิดฝาผิดตัว

ภาพลูกช้างที่น่าสงสารถูกทำร้ายดูซูบผอม ที่มีการแชร์กันในหมู่คนรักสัตว์ พร้อมระบุว่า..เป็นช้างน้อยวัยสี่ขวบที่ปางช้างแม่ตะมาน จ.เชียงใหม่ ที่ถูกทรมาน..จนสร้างความโกรธแค้นและไม่พอใจในกลุ่มคนรักสัตว์ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ปางช้างแม่ตะมานเพื่อตรวจสอบความจริง พบว่ามีช้างชื่อมีนาอยู่ที่ปางช้างแม่ตะมานจริงๆ เป็นช้างเพศเมียอายุเพียง 4 ขวบ เรียกว่าช้างพังมีนา มีลักษณะขี้เล่น น่ารัก มีสุขภาพดี ส่งเสียงดังเมื่อได้ลงเล่นน้ำกับควาญ ซึ่งแสดงถึงความสุขที่ได้รับอย่างชัดเจน แตกต่างจากช้างในภาพที่แชร์กันว่าเป็นช้างชื่อมีนาของปางแม่ตะมานอย่างสิ้นเชิง และชัดเจนว่าช้างในภาพที่ปรากฏในข่าวนั้นเป็นช้างเพศผู้หรือช้างพลาย เพราะมีงายาวสองข้างที่เห็นได้อย่างชัดเจน ช้างพังมีนาของจริงของปางช้างแม่ตะมานมีเพียงขนายเล็กๆ ที่ริมฝีปากบนเท่านั้นเพราะเป็นช้างเพศเมีย
ช้างพังมีนาแห่งปางช้างแม่ตะมานที่ตกเป็นข่าวถูกทารุณ
นางมีนา กัลยาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่ตะมาน บ้านแม่ตะมาน ต.กื้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่ารู้สึกตกใจมากเมื่อเห็นภาพที่แชร์กันและมีข้อความต่อว่าปางช้างแม่ตะมานอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่ช้างเชือกที่อยู่ในภาพนั้นไม่ใช่ช้างชื่อพังมีนาตามเนื้อหาที่แชร์กันเลย เป็นช้างจากไหนก็ไม่รู้ ลักษณะสถานที่ในภาพก็ไม่ใช่สถานที่ที่ปางช้างเรา

และได้ติดตามสืบหาว่าภาพนั้นมีที่มาอย่างไร จนพบว่าเป็นภาพจากบทความของนิตยสารหัวนอกชื่อดังที่มีชื่อเสียงด้านสารคดี ซึ่งเมื่อเข้าไปอ่านแล้วยังพบว่ามีการบิดเบือนข้อมูลสร้างความเข้าใจผิดต่อปางช้างแม่ตะมานและวงการช้างไทยมาก

นางมีนายังเปิดเผยต่อว่า เมื่อประมาณกลางปีที่แล้วมีผู้หญิงชาวต่างชาติสองคนพร้อมล่าม ซึ่งเป็นคนไทยมาเที่ยวที่ปางช้าง และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องของการเลี้ยงช้าง โดยทั้งสองคนอ้างว่ามาจากนิตยสารสารคดีดังกล่าว มาติดตามเรื่องการเลี้ยงช้างของไทย พร้อมทั้งยังแนะนำให้ปางช้างเราเลิกใช้ตะขอในการเลี้ยงช้าง

ตนก็ได้ยืนยันไปว่าเราเลี้ยงช้างตามแบบของวัฒนธรรมไทยเรา ซึ่งต้องใช้ตะขอ-ใช้โซ่ในการควบคุมช้าง เพราะช้างเป็นสัตว์ใหญ่ สามารถทำอันตรายคนได้ง่ายถ้าไม่มีการควบคุมที่ดีพอ และยังไม่เห็นมีวิธีอะไรที่จะดีพอมาทดแทนการเลี้ยงช้างแบบนี้ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานแล้วได้ และตนยังได้บอกไปว่าถ้ามีวิธีไหนที่ดีกว่านี้ก็พร้อมที่จะทำตามด้วยความยินดี แต่ส่วนตัวแล้วก็บอกว่า “ตะขอ” ยังมีความสำคัญมากในการสื่อสารและควบคุมช้าง
นักท่องเที่ยวกับรถรับส่งของปางช้างแม่ตะมาน
นอกจากนี้ก็มีการสอบถามมาอีกหลายประเด็นทั้งในด้านของความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป สถานการณ์การท่องเที่ยวช้างของไทย แต่ปรากฏว่าเขากลับเอาไปเขียนบิดเบือน ใส่ร้าย โจมตีปางช้างเราให้ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียงไปทั่วโลก รวมทั้งเรื่องของการเลี้ยงช้างแบบไทยด้วย เพราะเขาเหมารวมว่าคนไทยเลี้ยงช้างอย่างทรมาน บังคับให้ทำงานต่างๆ

“เขาระบุทำนองว่าเหมือนใช้สัตว์ป่ามาทำธุรกิจ ซึ่งไม่ยุติธรรมต่อพวกเราเลย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าช้างไทยที่เราใช้งานเป็นช้างบ้าน ไม่ใช่ช้างป่าอย่างที่เขาเหมารวม ตั๋วรูปพรรณช้างเราก็มีพร้อมให้ตรวจสอบ พวกเขาไม่รู้เรื่องช้างเลย ไม่เคยมีช้างในประเทศของตัวเองมาก่อน แต่กลับมาแนะนำสั่งสอนให้เราคนไทยที่อยู่กับช้างมาแล้วหลายชั่วอายุคนให้เลี้ยงช้างตามแบบที่เขาต้องการ”

นางมีนากล่าวอีกว่า ทางเรากำลังปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายว่าจะมีมาตรการตอบโต้นิตยสารฉบับนี้อย่างไร คงจะต้องมีหนังสือชี้แจงไปอย่างเป็นทางการ และอาจจะถึงขั้นฟ้องร้องเพื่อเรียกคืนความยุติธรรมต่อปางช้างของเราเองและศักดิ์ศรีของช้างไทยที่ถูกย่ำยีจากบทความของนิตยสารชื่อดังฉบับนี้

นางมีนายืนยันว่า ช้างน้อยที่ตกเป็นประเด็นว่าถูกทารุณที่ปางช้างแม่ตะมานนั้น มีชื่อว่าช้างพังมีนา ซึ่งมีชื่อเหมือนกับตน เป็นช้างเด็กที่น่ารัก ส่วนตัวก็ชื่นชอบเป็นพิเศษ รักช้างพังมีนามาก เป็นไปไม่ได้ที่ช้างเชือกนี้จะถูกทารุณตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น และที่ปางช้างแม่ตะมานก็มีมาตรการขั้นเด็ดขาดว่าถ้าควาญช้างคนใดทำร้ายช้างจะต้องถูกไล่ออกทันที ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอนว่ากรณีนี้จะเกิดขึ้นที่ปางช้างของเรา
อีเมลจากนักท่องเที่ยวที่ยกเลิกจะไม่มาปางช้างแม่ตะมาน หลังได้อ่านบทความนิตยสารดังกล่าว
นายสุวรรณ ยอดภพ อายุ 38 ปี ควาญช้างประจำตัวของช้างพังมีนา ระบุว่า ตนเพิ่งจะได้เข้ามาดูแลช้างพังมีนาเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา แทนควาญช้างคนเก่าที่ชื่อนายคำมูล ธงขาว ที่นักเขียนของนิตยสารเนชันแนลจีโอกราฟิกอ้างถึงในบทความ ซึ่งนายคำมูล ธงขาว มีอายุมากแล้ว จึงหยุดเป็นควาญช้างให้ตนมาดูแลแทน

นายสุวรรณกล่าวต่อว่า ช้างพังมีนาเป็นช้างที่ค่อนข้างซุกซนแต่ว่าง่าย มีสุขภาพแข็งแรงดี นิสัยดี ไม่เป็นช้างเกเร ทำตามคำสั่งได้ดี เป็นช้างที่ฉลาดมากๆ สอนอะไรก็จำได้และทำได้ดี ซึ่งในการฝึกช้างของตนและควาญช้างทั่วๆ ไปก็เหมือนๆ กันคือฝึกให้เขาจำ เมื่อเขาทำได้ดีก็จะให้รางวัลเป็นกล้วยน้ำว้าหรืออ้อย ก็คล้ายๆ การฝึกสุนัขที่ต้องให้รางวัลเมื่อเขาทำตามที่เราฝึกได้เพื่อให้เขาจดจำ

ช้างเป็นสัตว์ที่ฉลาด มีมันสมองที่ปราดเปรื่อง สามารถจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดีมาก ช้างบ้านทุกเชือกเมื่อถึงอายุประมาณ 2-3 ขวบจะได้รับการฝึกจากควาญอาวุโสที่เชี่ยวชาญ หรือส่งไปฝึกที่โรงเรียนฝึกช้างและควาญช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ เหมือนเด็กต้องไปเข้าโรงเรียน ช้างก็เช่นเดียวกัน ต้องได้รับการฝึกที่ถูกต้อง เพื่อที่จะอยู่ในสังคมร่วมกับช้างอื่นและมนุษย์ได้อย่างปกติสุข
พังมีนาลงเล่นน้ำในลำน้ำแม่ตะมานอย่างมีความสุข

การฝึกนั้นใช้เวลาประมาณ 6 เดือนร่วมกับควาญช้างประจำตัวของช้างเชือกนั้น การฝึกมีตั้งแต่การฝึกทำตามคำสั่ง เช่น นั่ง นอน เดินหน้า ถอยหลัง ชูงวง อ้าปาก ยกเท้า ด้วยเหตุผลเพื่อความสะดวกในการไปพบสัตวแพทย์เมื่อช้างมีอาการผิดปกติ ซึ่งจะทำให้การตรวจเป็นไปได้ง่ายขึ้น ถ้าช้างไม่ได้รับการฝึกมาจะยากต่อการตรวจรักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วย การฝึกให้ควาญขึ้น-ลง เพื่อสะดวกแก่การควบคุม

นอกจากนั้นก็มีการฝึกชักลากซุง การเล่นดนตรี การเต้นรำ ฝึกวาดภาพ ฯลฯ โดยเฉพาะการฝึกช้างให้วาดภาพนั้นต้องยอมรับว่าช้างมีความฉลาดปราดเปรื่อง เป็นการประสานทำงานกับควาญช้าง ไม่ได้เป็นดังบทความของนิตยสารสารคดีชื่อดังฉบับนั้นที่เขียนถึงว่าควาญช้างใช้ตะปูจิ้มหน้าช้างเพื่อบังคับให้ช้างวาดรูปแต่อย่างใด ควาญช้างเพียงแต่ช่วยประคองเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าบทความนี้เจตนาบิดเบือนใส่ร้ายกันจริงๆ
พังมีนาวาดรูประหว่างการแสดงความสามารถที่ลานโชว์ช้าง ปางช้างแม่ตะมาน
นายสุวรรณ ควาญช้างคู่ใจของช้างพังมีนายังได้เปิดเผยอีกว่า ช้างกับควาญประจำตัวจะใกล้ชิดกัน ทั้งดูแลให้อาหาร อาบน้ำ ตรวจเช็กสุขภาพ มีความรักความผูกพันกันเช่นเดียวกับที่คนทั่วไปเลี้ยงสุนัขหรือแมวนั่นเอง เราย่อมไม่ทำร้ายช้างของเราอย่างที่เห็นเป็นข่าวออกมาแน่ๆ ซึ่งภาพนั้นตนก็ไม่ทราบว่าเป็นภาพมาจากที่ไหน และตนขอยืนยันว่าช้างในรูปนั้นไม่ใช่ช้างพังมีนาที่ตนเองเป็นควาญดูแลอยู่ที่ปางช้างแม่ตะมานอย่างแน่นอน

สำหรับปางช้างแม่ตะมานเป็นปางช้างใหญ่และเก่าแก่แห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเมื่อปี 2530 เป็นเวลาสามสิบกว่าปีแล้ว จัดว่าเป็นปางช้างที่ได้มาตรฐาน ได้รับรางวัลต่างๆ มามากมาย ล่าสุดได้รับรางวัลปางช้างดีเด่นที่มีการจัดการแสดงช้าง มีการจัดการดูแลช้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช้างมีสวัสดิภาพที่ดี ได้มาตรฐานของกรมการท่องเที่ยว
Elephant Eco Valley อีกหนึ่งธุรกิจของปางช้างแม่ตะมาน
อนึ่ง ในเนื้อหาของบทความจากนิตยสารหัวนอกชื่อดังฉบับนั้นได้กล่าวถึงปางช้างแม่ตะมานว่ามีธุรกิจซ้อนกัน และเป็นธุรกิจที่แตกต่างกัน แต่มีเจ้าของธุรกิจเป็นคนเดียวกัน ซึ่งอีกหนึ่งธุรกิจเกี่ยวกับช้างนั้นคือ เอเลแฟนต์อีโควัลเลย์ Elephant Eco Valley ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทางปางช้างแม่ตะมานเพิ่งเปิดให้บริการได้ 2 ปี เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสใกล้ชิดกับช้างมากขึ้น ได้ศึกษาและรับรู้เรื่องราวของช้างอย่างละเอียด และได้เห็นว่าปางช้างแม่ตะมานมีวิธีการเลี้ยงช้างดูแลช้างดีอย่างไร รองรับลูกค้าอีกตลาดหนึ่ง

แหล่งข่าวในแวดวงช้างไทยให้ข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่า การที่ปางช้างแม่ตะมานถูกโจมตีอย่างหนักจากสื่อระดับโลกครั้งนี้ คาดว่าน่าจะเป็นการทำงานอย่างเป็นขบวนการเพื่อทำลายชื่อเสียงของวงการช้างไทย ซึ่งอาจจะเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับองค์กรบางแห่งที่หากินกับช้างโดยอ้างว่ามูลนิธิหรือองค์การเพื่อช้างของตัวเองนั้นเลี้ยงช้างด้วยความรักปราศจากการใช้ตะขอการใช้โซ่ในการควบคุมช้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น