มหาสารคาม - ชาวนาวัย 62 ปี น้ำตาเล็ด ถูกโจรลอบเข้าบ้านขโมยข้าวเปลือก 2 วันซ้อน รวม 33 กระสอบปุ๋ย เหลือไว้ให้แค่ 7 กระสอบปุ๋ย เผยแค้นใจมาก หายครั้งแรกไม่แจ้งความถือว่าฟาดเคราะห์ แต่กลับหวนมาลักซ้ำจนข้าวเหลือกินไม่ถึงปี
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (14 พ.ค. 62) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่บ้านเลขที่ 225 หมู่ 1 ต.ท่าสองคอน อ.เมืองฯ จ.มหาสารคาม ภายหลังได้รับแจ้งว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกคนร้ายเข้าไปขโมยข้าวเปลือกไปจำนวนทั้งสิ้น 27 กระสอบปุ๋ย สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่เจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก เพราะตั้งใจจะเก็บไว้รับประทานให้ได้ตลอดทั้งปี บางส่วนจะแบ่งขายแลกเงินสดไว้ใช้จ่าย และบางส่วนเตรียมสำรองไว้ใช้เป็นพันธุ์เพาะปลูกในฤดูทำนาที่จะมาถึง
ถึงบ้านหลังดังกล่าวพบนายสุรศักดิ์ อรรคแสง อายุ 62 ปี แสดงตนเป็นเจ้าของบ้าน เล่าว่า ล่าสุดคนร้ายได้มาขโมยข้าวเปลือกไปอีก 6 กระสอบ ทำให้มีข้าวเปลือกหายไปทั้งหมดรวม 33 กระสอบปุ๋ย
นายสุรศักดิ์เล่าต่อว่า วานนี้ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ตนเองออกไปรับภรรยาในตัวเมืองมหาสารคาม และกลับเข้าบ้านเวลาราว 19.00 น. สังเกตเห็นว่าประตูเหล็กหลังบ้านเปิดออก เมื่อเข้าไปดูก็พบว่าข้าวเปลือกบรรจุในถุงซึ่งมีทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียวหายไปจำนวน 27 กระสอบปุ๋ย ปกติประตูหลังบ้านนั้นไม่ได้ล็อกกุญแจไว้ เพราะว่าอยู่บ้านหลังนี้มา 10 กว่าปีก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร ไม่เคยมีข้าวของเครื่องใช้หาย ตอนแรกก็คิดว่าฟาดเคราะห์จะไม่แจ้งความ แต่พอมารุ่งเช้าวันเดียวกันนี้เวลาประมาณ 08.00 น. ตนได้ออกจากบ้านไปช่วยงานบุญเพื่อนบ้านซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร ส่วนลูกชายก็ไปทำงานช่วง 10.30 น. ก่อนออกจากบ้านได้นำแม่กุญแจมาล็อกประตูหลังบ้านเอาไว้อย่างดี ต่อมาตนกลับเข้าบ้านอีกทีเวลา 11.30 น. เพราะจะมีเพื่อนบ้านมาขอซื้อข้าวเปลือกเจ้าไปรับประทานที่บ้าน แต่เมื่อจะเปิดประตูหลังบ้าน ก็พบว่า คนร้ายหวนกลับมาอีกรอบ ใช้คีมตัดเหล็ก ตัดสายยูเข้าไปขโมยข้าวทีเหลือไปอีก 6 กระสอบ รวมข้าวที่ถูกขโมยทั้งสิ้น 33 กระสอบปุ๋ย จึงตัดสินใจโทรศัพท์แจ้งตำรวจ หลังจากนั้นไม่นาน พ.ต.ท.กริชเทพ วรรณประไพ พนักงานสอบสวนเวรฯ สภ.เมืองมหาสารคาม และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ
นายสุรศักดิ์กล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า ไม่คิดว่าคนร้ายจะหวนกลับมาอีกรอบ ทั้งแค้นใจและเจ็บใจ ตอนแรกคิดว่าจะไม่แจ้งความ คิดว่าฟาดเคราะห์ไป แต่พอมาเจอ 2 วันซ้อนกันจึงต้องแจ้งความดำเนินคดี ตอนนี้ข้าวเปลือกที่เหลืออยู่ก็เหลือแค่ 7 ถุง ไม่พอที่จะใช้หว่านข้าวทำนา ต้องซื้อพันธุ์ข้าวปลูกใหม่ ข้าวที่จะกินก็ไม่เหลือ อยากให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ สันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีบ้านปลูกห่างกันทำให้ในช่วงกลางวันค่อนข้างเงียบ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว และจะได้เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด
