สระแก้ว - ชาวตะวันออกได้เฮ หลังพบซากไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์ในอ่างเก็บน้ำพระปรง จ.สระแก้ว ทำกรมทรัพยากรธรณี เร่งจัดอบรมด้านกฎหมายซากดึกดำบรรพ์ให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง พร้อมประกาศให้เป็นแหล่งสำรวจศึกษาวิจัยและพัฒนาเพื่อการเรียนรู้ต่อไป
วันนี้ (13 พ.ค.) กรมทรัพยากรธรณี ได้จัดให้มีการฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ.2551 หลักสูตรพิเศษขึ้นที่โรงแรมจันทรา อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว เพื่อสร้างความเข้าใจด้านซากดึกดำบรรพ์ การบริหารจัดการซากดึกดำบรรพ์และกฎหมายคุ้มครองว่าด้วยซากดึกดำบรรพ์ โดยมี นายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และนายณัฐชัย นำพูลสุขสันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรม
นายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า กรมทรัพยากรธรณี เป็นหน่วยงานหลักด้านการศึกษาวิจัยและบริหารจัดการซากดึกดำบรรพ์ และได้มีการตราพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ.2551 ขึ้น เพื่อคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ที่มีความสำคัญต่อการศึกษาประวัติ ความเป็นมาของโลกบรรพชีวินธรณีวิทยา ซึ่งแหล่งซากดึกดำบรรพ์และซากดึกดำบรรพ์ ถือเป็นสมบัติของแผ่นดิน ที่ต้องอนุรักษ์ให้เป็นมรดกทางธรรมชาติของแผ่นดิน
โดยพื้นที่ภาคตะวันออกของไทยมีการค้นพบซากไดโนเสาร์ดึกดำบรรพที่บริเวณอ่างเก็บน้ำพระปรง ต.ช่องกุ่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางด้านซากดึกดำบรรพ์ และขณะนี้ยังมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์กระดูกไดโนเสาร์ซอโรพอด วงศ์ Titannosaurid มีอายุอยู่ในช่วงครีเทเชียสตอนต้น โดยค้นพบฟันไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ กระดูกเชิงกราน
นอกจากนี้ ยังพบสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังร่วมยุค ประกอบด้วย จระเข้ (ฟัน) 2 ชนิด เต่า 3 ชนิด ปลากระดูกแข็ง (เกล็ด) 2 ชนิด และปลาฉลาม (ฟัน) 3 ชนิดและตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติปางสีดาจนถึงปัจจุบันได้มีการค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ทั้งหมด 62 ชิ้น ซึ่งจากการศึกษาเบื้องต้นพบว่ากระดูกดังกล่าวเป็นของกลุ่มซอโรพอด คอยาว หางยาว และมีโอกาสที่จะเป็นไดโนเสาร์ชนิดใหม่ของโลกได้
กรมทรัพยากรธรณีวิทยา จึงมีแนวทางการบริหารจัดการในพื้นที่แหล่งไดโนเสาร์ ด้วยประกาศให้เป็นเขตพื้นที่การสำรวจศึกษาวิจัยและพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ของ จ.สระแก้ว