ศูนย์ข่าวศรีราชา - เปิดสวน “ลุงเสริฐ” ทุเรียนบางพระ ที่คอทุเรียนรอคอย เพราะติดใจรสชาติที่หวานมันกลมกล่อมไม่เหมือนทุเรียนจันท์-ระยอง ทั้งที่พันธุ์เดียวกัน
ฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกมาถึงแล้ว…เมื่อย่างเข้าเดือนพฤษภาคมไปจนถึงกรกฎาคมของทุกปี จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.ตราด จะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพราะเป็นช่วงที่ผลไม้หลากหลายชนิดทยอยจากสวนออกสู่ตลาด โดยเฉพาะ “ทุเรียน” ราชาแห่งผลไม้ ก็มาอวดโฉมให้ได้ลิ้มลอง รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปผลไม้อีกหลากหลายรูปแบบ ให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชิมกันอย่างจุใจ
นอกจาก ระยอง จันทบุรี และตราด แล้ว ที่มีทุเรียนไว้ต้อนรับนักชิม นักชอป ยังมีสวนทุเรียนบางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นอีกหนึ่งพื้นที่สามารถปลูกทุเรียนได้ และให้ผลิตที่มีรสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร ซึ่งใครที่ได้มาลองลิ้มรสชาติแล้วต้องติดใจ พร้อมหาซื้อติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านแน่นอน
ลุงเสริฐ หรือนายประเสริฐ สายสุวรรณ เจ้าของสวนทุเรียนบางพระ ตั้งอยู่บริเวณขอบอ่างเก็บน้ำบางพระ ม.8 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นสวนทุเรียนชื่อดังของจังหวัดชลบุรี ที่มีนักท่องเที่ยวต่างติดใจในรสชาติของทุเรียนสวนนี้ ติดต่อขอซื้อกันจำนวนมาก ไม่มีการขายส่ง ใครอยากกินทุเรียนบางพระสวนลุงเสริฐ ต้องเดินทางมาเองกินกันสดๆ ในสวนโดนไม่มีการขายส่ง
ลุงเสริฐ กล่าวว่า จริงๆ แล้วตนเองเป็นคนสมุทรปราการ เมื่ออายุได้ประมาณ 5-6 ขวบ พ่อแม่ได้ย้ายที่อยู่ มาทำมากินที่จังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งได้ทำการซื้อที่ดินแห่งนี้ไว้ตั้งแต่ปี 2500 โดยในขณะนั้น ทางครอบครัวได้ปลูกสับปะรดขาย เนื่องจากเป็นผลไม้ท้องถิ่น และมีชื่อเสียง คือ สับปะรดศรีราชา ซึ่งก็ได้ผลผลิต ซึ่งหากเปรียบเทียบต่อไร่ สวนของทางครอบครัวตนเองจะได้ผลผลิตดีกว่าในพื้นที่อื่น แม้แต่พื้นที่ที่อยู่ติดกัน
หลังจากนั้น ได้เปลี่ยนมาทำสวนทุเรียนแทน โดยก่อนที่จะมาทำสวนทุเรียนตนเองได้ไปฝึกทำสวนทุเรียน และศึกษาเรียนรู้มาก่อน โดยไปรับจ้างทำสวนทุเรียน จังหวัดจันทบุรี ได้ระยะหนึ่ง จึงได้กลับมาทำสวนทุเรียนในที่ดินของครอบครัว โดยเริ่มปลูกทุเรียนในพื้นที่ 17 ไร่ ตั้งแต่ปี 2526 โดยปลูกทุเรียนไว้ 3 ชนิด คือ กระดุมทอง หมอนทอง และชะนี โดยในอดีตได้เคยใช้สารเคมีทางการเกษตรจำนวนมาก ปีหนึ่งเสียค่าใช้จ่ายไปกับค่าปุ๋ยค่ายานับแสนบาท จนกระทั่งปี 2547 ผลของการใช้สารเคมีมานานเริ่มปรากฏชัดคือ ทั้งดินเสื่อมโทรมอย่างหนัก แมลงศัตรูพืชเข้าทำลายผลผลิต ประกอบกับปีนั้นประสบภัยธรรมชาติ ทุเรียนกว่า 100 ต้น เสียหายทั้งหมด เรียกว่าหมดตัว และเป็นหนี้ค่าปุ๋ยค่ายาอีกเป็นแสนบาท
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอศรีราชา ได้เข้ามาอบรมถ่ายทอดความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ ตอนแรกก็ยังไม่เชื่อถือ แต่จากการเข้ารับการอบรม และนำมาทดลองในสวนผลไม้ของตนเอง เริ่มจากทำน้ำหมักชีวภาพมาใช้กับต้นทุเรียนที่เป็นโรค ผลปรากฏว่า ต้นทุเรียนเริ่มฟื้น และหายจากโรค จึงเกิดความเชื่อมั่นในการใช้เกษตรอินทรีย์
ต่อมา ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา พื้นที่ทั้ง 17 ไร่ ตนทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกทุเรียน ขนุน ลองกอง กล้วยไข่ โดยเลิกใช้สารเคมีทั้งหมด และหันมาใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ชีวภาพ น้ำหมักชีวภาพสูตรต่างๆ ที่ผลิตเองใช้เอง เช่น น้ำกลอยหมัก น้ำหมักฮอร์โมนผลไม้รวม ซึ่งตนได้ใช้น้ำหมักชีวภาพเพื่อประโยชน์ทั้งการปรับปรุงสภาพดิน เป็นสารป้องกันกำจัดแมลง เร่งการเจริญเติบโตของไม้ผล
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างการใช้สารเคมีกับเกษตรอินทรีย์ คือ เรื่องดิน ซึ่งจะมีดินแข็ง รดน้ำลงไปน้ำจะไม่ซึมลงดิน ทำให้ดินขาดความชุ่มชื้น ในทางกลับกันเมื่อมีการปรับสภาพดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ น้ำหมักชีวภาพ ดินมีการกักเก็บน้ำได้ดีขึ้น ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตก็ดีตามไปด้วย
นอกจากนี้ พื้นที่ดินดั้งเดิมเป็นดินที่ดีอยู่แล้ว มีแร่ธาตุที่เหมาะแก่การปลูกผลไม้ทำให้ผลผลิตดี และรสชาติของผลไม้จึงมีรสดีไม่เหมือนที่อื่นๆ
ลุงเสริฐ กล่าสอีกว่า สวนทุเรียนบางพระไม่ขายส่ง โดยจะใช้บริเวณหน้าสวนวางขายโดยทางเราจะขายราคาเดียว ปีนี้ในช่วงเปิดสวนได้ราคาค่อนข้างดี กิโลกรัมละ 180 บาท ลูกค้าสามารถมารับประทานได้สดจากสวน แล้วซื้อกลับบ้านได้ ในแต่ละวันจะมีลูกค้าผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาตลอดทั้งวัน
จากการสอบถามลูกค้าที่มาหาซื้อทุเรียนสวนลุงเสริฐ ทำให้ทราบว่าแต่ละคนที่มาต่างมีความตั้งใจ และตั้งตารอเพื่อมาลิ้มรสทุเรียนบางพระ ของสวนลุงเสริฐ โดยมาจากที่ต่างๆ กัน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งคนในพื้นที่