เชียงราย - ผกก.โรงพักเชียงของยืนยันประมวลเหตุการณ์ “น้องกัปตัน-เด็กชายวัย 5 ขวบ” หายจากบ้านข้ามวันข้ามคืน เชื่อหลงป่า-ไร้รถตู้ลักเด็ก หลังคนแห่แชร์ภาพรถตู้ต้องสงสัยว่อนโซเชียลฯ ชี้เป็นเด็กมุ่งมั่น-ตั้งใจแล้วต้องทำให้ได้
ความคืบหน้ากรณี ด.ช.ชินกฤต รวมจตร หรือน้องกัปตัน วัย 5 ขวบ หายไปจากบ้าน ในพื้นที่บ้านห้วยเม็ง หมู่ 6 ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ชายแดนไทย-สปป.ลาว ติดแม่น้ำโขง ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่รวมทั้งชาวบ้านต่างระดมกำลังกันออกติดตามหาตลอดทั้งวัน และคืนที่ผ่านมา จนพบตัวในสภาพไม่สวมเสื้อผ้า-มีรอยขีดข่วนอยู่ในป่าห้วยเม็ง ห่างจากหมู่บ้านหลายกิโลเมตรนั้น ซึ่งล่าสุดทางญาติได้นำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ อ.เชียงของ และรักษาบาดแผลจนอาการปลอดภัยแล้ว
วันนี้ (5 พ.ค.) พ.ต.อ.ถนัด พลพานิช ผกก.เชียงของ จ.เชียงราย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่คลี่คลายปมการหายตัวไปของน้องกัปตันเพื่อให้เกิดความชัดเจน พร้อมกับเปิดเผยว่า กรณีมีการโพสต์ภาพรถตู้ในโซเชียลมีเดียแล้วสงสัยกันว่าอาจเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องกัปตันนั้น ตนได้สอบถามบิดา ด.ช.ชินกฤต พร้อมนำภาพที่ สภ.เมืองส่งให้ดูแล้ว ก็ไม่มั่นใจว่าเด็กที่ปรากฏในภาพเป็นน้องกัปตันหรือไม่ แต่เบื้องต้นระบุว่าไม่น่าจะใช่ แต่ตนจะได้ให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
“อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ประมวลกับเหตุการณ์และสถานที่พบตัวเด็กแล้ว ก็สรุปได้เบื้องต้นค่อนข้างแน่นอนว่าเกิดจากการหลงป่า ส่วนกรณีเป็นรถตู้ลักพาตัวนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้”
พ.ต.อ.ถนัดกล่าวว่า ช่วงที่เด็กหายตัวไปเมื่อวันที่ 4 พ.ค. ตนได้ร่วมกับ พ.ต.ท.สง่า ศรีวิชัย รอง ผกก.ป.และชุดสืบสวนลงพื้นที่ออกไปค้นหาตั้งแต่ต้น และได้มีโอกาสพูดคุยสอบถามกับลุงของเด็กแล้ว สถานการณ์ค่อนข้างบ่งชี้ว่าเป็นการหลงป่า ทำให้ตนและนายสมชายได้ร่วมกันเดินป่าสำรวจจุดที่พบเด็กจนชัดเจนว่าเป็นป่าห้วยเม็ง ซึ่งเป็นป่าลึกที่มีภูเขาสูงชันอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 4-5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินไปเป็นชั่วโมง มีการระดมชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รวมกันกว่า 400-500 คนในการค้นหา
สำหรับจุดที่พบเด็กนั้นเป็นลำห้วยที่ลึกลงไปจากพื้นปกติหลายเมตร ซึ่งหากไม่เดินค้นหาในป่ากันอย่างจริงจังแล้วจะไม่มีทางเจอตัวอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เมื่อสอบถามญาติแล้วทราบว่าเป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่น และหากจะทำอะไรแล้วเขาจะต้องทำให้ได้ จึงเป็นไปได้ว่าน้องกัปตันจะเดินไปถึงจุดที่พบตัวดังกล่าว