ไม่ต้องไปถึงเมืองจันท์! สวนผลไม้ที่ยโสธรเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร

ยโสธร - สวนผลไม้ในภาคอีสานเริ่มมีมากขึ้น รสชาติไม่ต่างจากสวนภาคตะวันออก กรณี “สวนพวงประสิทธิ์” ที่ อ.ไทยเจริญมีทั้งเงาะ ทุเรียน มังคุด มะไฟ สวนผลไม้อินทรีย์ถูกจองล่วงหน้าจนเกลี้ยง ทั้งเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่กำลังนิยม

ในห้วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรใน จ.ยโสธรหลายรายหันมาทำสวนผลไม้ ปลูกไม้ผลเศรษฐกิจเหมือนกับภาคตะวันออก สวนผลไม้เหล่านี้เริ่มให้ผลเก็บขายสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะที่ “สวนพวงประสิทธิ์” บ้านดงสวรรค์ ต.คำเตย อ.ไทยเจริญ ซึ่งเป็นสวนผลไม้รุ่นแรกๆ ของอำเภอไทยเจริญ เมื่อราว 15 ปีก่อนได้เริ่มทดลองปลูกไม้ผลบนเนื้อที่กว่า 6 ไร่

ช่วงแรกก็ลองผิดลองถูกจนประสบความสำเร็จ ผลไม้ที่ปลูกส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้พื้นเมืองของทางภาคตะวันออก ทั้งเงาะ มังคุด ทุเรียน ลำไย และมะไฟ

ผลไม้ของสวนพวงประสิทธิ์จะออกผลช่วงปลายเดือนเมษายนเป็นต้นไปจนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี โดยเฉพาะเงาะและทุเรียนคาดว่าปีนี้น่าจะสามารถเก็บขายยาวไปจนถึงเดือนมิถุนายน แต่ละปีผลผลิตเงาะเก็บขายได้เฉลี่ย 1,800 กิโลกรับ ทุเรียนเฉลี่ยประมาณ 400-500 กิโลกรัม และมังคุดเฉลี่ยประมาณ 1,000-1,500 กิโลกรัม ทุเรียนพันธุ์หมอนทองสวนพวงประสิทธิ์กำลังเป็นที่ต้องการของลูกค้า แม้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 150 บาทก็มีลูกค้าสั่งจองเกือบหมด



จุดเด่นประการหนึ่งของสวนพวงประสิทธิ์ จะเน้นทำเป็นผลไม้อินทรีย์ ผลไม้เพื่อสุขภาพ เมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยวไม้ผลแต่ละปี ทางสวนพวงประสิทธิ์ยังได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ประชาชนและนักท่องเที่ยวในแถบอีสานสามารถเดินชมไม้ผลแต่ละชนิด ศึกษาสอบถามวิธีการปลูกและซื้อผลไม้สดๆ จากต้นได้ด้วย

นางพวง วิรุฬพันธุ์ อายุ 56 ปี เจ้าของสวนพวงประสิทธิ์ เล่าว่า แต่เดิมตนกับสามีพากันไปรับจ้างเก็บผลไม้อยู่ในสวนผลไม้ในจังหวัดจันทบุรีมานานกว่า 10 ปี จนกระทั่งมีความเชี่ยวชาญในการปลูกผลไม้ จึงพากันกลับมาที่บ้านและเริ่มทดลองปลูกเงาะ, ทุเรียน, มังคุด และมะไฟ เมื่อ 15 ปี จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายปีผลไม้ที่ปลูกเอาไว้ก็เริ่มให้ผลผลิต สามารถที่จะเก็บผลผลิตส่งขายเลี้ยงครอบครัวเรื่อยมา

ปกติไม้ผลที่ปลูกไว้จะออกผลผลิตในช่วงปลายเดือนเมษายน ไปจนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี ซึ่งทุเรียนจะเริ่มออกผลผลิตให้เก็บขายก่อนผลไม้ชนิดอื่นและจะตามมาด้วยเงาะ, มังคุด, มะไฟ และลำไย แต่ละปีตนจะมีรายได้จากการขายผลไม้เป็นรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2 หมื่นบาท ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่ดีกว่าการทำการเกษตรอย่างอื่น


นางพวงบอกอีกว่า ในสวนของตนมีเงาะทั้งหมดจำนวน 65 ต้น ทุเรียนจำนวน 9 ต้น มังคุดจำนวน 35 ต้น มะไฟจำนวน 7 ต้น และลำไยจำนวน 25 ต้น ทุกวันนี้ตนยังเปิดสวนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจได้เข้าไปเที่ยวชมสวนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 08-8471-6523