ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - รวบยกแก๊ง! ตำรวจโคราชตามจับวัยรุ่นทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาลประทายได้ทั้งหมด 19 คน เป็นเยาวชนถึง 12 คน แจ้งข้อหาหนักดำเนินคดีตามกฎหมายในความผิดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เหตุเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
วันนี้ (30 เม.ย. ) ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธร (สภ.) ประทาย อ.ประทาย จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา, พันจ่าโท ทวี พิมพ์อุบล นายอำเภอประทาย, นพ.ชยพล สุขโต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประทาย, พ.ต.อ.สมร ทองกลาง ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ.ฐิตินันท์ วรรณสาร ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.ประทาย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ทหาร โรงพยาบาลประทาย กู้ภัย ร่วมแถลงข่าวกรณีวัยรุ่นวิวาทกันภายในโรงพยาบาลประทาย จ.นครราชสีมา เมื่อกลางดึกวันที่ 29 เมษายน 2562 เวลา 00.30 น.
โดยเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ฝ่าย รวม 19 คน มาดำเนินคดีตามกฎหมายในความผิดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดี และไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
พ.ต.อ. ฐิตินันท์ วรรณสาร ผกก.สภ.ประทาย เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง กลุ่มผู้ก่อเหตุแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มบ้านโนนกลาง และกลุ่มบ้านหนองค่าย อ.ประทาย สามารถติดตามจับกุม 10 คน ได้ก่อเหตุกับกลุ่มวัยรุ่นบ้านหัวดงเค็ง อ.ประทาย และในเขตตัว อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา จับกุมได้ 9 คน
ทั้งนี้ กลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทในงานคอนเสิร์ตการกุศลหารายได้ซื้อเครื่องดนตรีให้แก่โรงเรียนรวมมิตรพัฒนา ในเขตเทศบาลตำบล (ทต.) ประทาย อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีผู้บาดเจ็บ เพื่อนในกลุ่มจึงนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลประทาย เมื่อมาถึงทั้งสองกลุ่มได้มาพบเจอกันอีก จึงได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทอีกครั้งภายในสถานพยาบาล เจ้าหน้าที่สายตรวจรุดไประงับเหตุ เมื่อไปถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุได้แยกย้ายกันหลบหนี
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งสอบพยานบุคคลได้ข้อมูลกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดจนสามารถติดตามจับกุมตัวได้ทั้งหมด 19 คน ซึ่งมีอายุมากที่สุด 34 ปี และเยาวชน 12 คน ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามข้อกล่าวหา “ร่วมกันเข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นหรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้นเมื่อผู้มีสิทธิ์ที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออกในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตาม ป.อาญา มาตรา 83, 364, 365(2)(3)
