xs
xsm
sm
md
lg

จี้ฟัน จนท.รัฐเอี่ยวหักหัวคิวเงินดูแลคนพิการ ป.ป.ท.สรุปชัดกาฬสินธุ์-นครพนมคำร้องมีมูล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กาฬสินธุ์ - เครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการจังหวัดกาฬสินธุ์ จี้ฟันเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องเอี่ยวหักหัวคิวเงินดูแลผู้พิการ หลัง ป.ป.ท.แถลงผลสอบข้อร้องเรียนหักหัวคิวเงินคนพิการมาตรา 35 ที่ จ.กาฬสินธุ์ และ จ.นครพนม มีมูลความผิด

จากกรณีผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาใน จ.กาฬสินธุ์ ร้องเรียนต่อเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสำนักนายกรัฐมนตรี ป.ป.ท., ป.ป.ช.,สตง. และดีเอสไอ ตรวจสอบเงินค่าจ้างเหมาดูแลคนพิการทางสติปัญญา ตามมาตรา 35 โดยอ้างว่าถูกชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาใน จ.กาฬสินธุ์ หักหัวคิวเงินค่าจ้าง และบริหารจัดการส่อไปในทางไม่โปร่งใส จ่ายค่าจ้างให้เพียงเดือนละ 2,000-5,000 บาท จากค่าจ้างจริงเดือนละ 9,125 บาท หรือปีละ 109,500 บาท กระทั่ง ปปท.และดีเอสไอ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในเชิงลึก ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (29 เม.ย.) ที่ศูนย์ประสานงานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ จ.กาฬสินธุ์ บ้านเสริมชัยศรี ต.นิคม อ.สหัสขันธ์ นางอรษา วงษา รองประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เครือข่ายฯ ร้องเรียนเมื่อเดือนตุลาคม 2561 ถึงขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ล่าสุดเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการจากส่วนกลาง ได้แจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ป.ป.ท.ได้สรุปผลการสอบกรณีข้อร้องเรียนหักเงินค่าจ้างผู้ดูแลคนพิการ พร้อมระบุว่าเข้าข่ายการกระทำผิดใน 2 จังหวัด คือ จ.กาฬสินธุ์ และ จ.นครพนม

นางอรษาบอกว่า หลังทราบผลสอบดังกล่าว รู้สึกผ่อนคลายและดีใจมาก การเรียกร้องสิทธิให้แก่คนพิการไม่สูญเปล่า เราต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ปกครองคนพิการและคนพิการมานานมาก ถูกกดดันหลายอย่าง เราเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา เป็นผู้ปกครองเลี้ยงลูก เลี้ยงสามีที่พิการ และยังเสียสละในการเดินทางไปส่งเอกสาร ให้ปากคำต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบหลายหน่วยงาน รวมทั้งเดินทางออกเยี่ยมออกสำรวจคนพิการ และทำกิจกรรมร่วมกับเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการทั่วประเทศ

“เราต่อสู้ด้วยใจเพื่อเรียกร้องสิทธิและความเป็นธรรมกลับคืนมาสู่คนพิการ แม้ต้องพบอุปสรรคต่างๆ นานา ทั้งคำทักท้วง คำดูถูก คำพูดที่บั่นทอนกำลังใจจากบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้เรียกร้องสิทธิของเรา เมื่อถึงวันนี้เราภูมิใจที่ได้ข้อสรุปจาก ป.ป.ท.แล้วว่าผลการตรวจสอบมีการหักหิวคิวเงินจ้างงานคนพิการจริง ทำให้เรามีกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้แก่คนพิการ และให้คนพิการทุกประเภททั่วประเทศได้เข้าถึงสิทธิของตนอย่างแท้จริง และอยากดำเนินการต่อผู้ที่เกี่ยวข้องถึงที่สุด” นางอรษากล่าว
(แฟ้มภาพ)
ด้านนางฐานิดา อนุอัน ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่เครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการส่วนกลาง แจ้งว่า ป.ป.ท.ได้สรุปผลตรวจสอบออกมาดังกล่าว ระบุว่าเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานอนุมัติให้จ้างงานไม่เป็นไปตามระเบียบ รับรองเอกสารการจ้างงานไม่เป็นจริง และมีการหักหัวคิวเงินค่าจ้างผู้รับเหมาบริการตามมาตรา 35 ซึ่งตนเองในฐานะผู้ปกครองลูกที่พิการทางสติปัญญาและเป็นคนแรกที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม และร้องเรียนกับเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการสำนักงานใหญ่

ทั้งนี้ จากผลสรุปของ ป.ป.ท.ทำให้ตนแทบน้ำตาไหลด้วยความดีใจ เพราะหมายถึงมีความชัดเจนว่าความเป็นธรรม และความยุติธรรมมีอยู่จริง

สำหรับปัญหาการร้องเรียนการหักเงินหัวคิวเงินจ้างเหมาบริการตามมาตรา 35 ที่ จ.กาฬสินธุ์ นางฐานิดา อนุอัน ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ และเป็นผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา ได้รับสิทธิตามมาตรา 35 โดยผ่านชมรมผู้พิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ การร้องเรียนดังกล่าวเกิดขึ้นสืบเนื่องจากพบความผิดปกติที่ทางชมรมฯ เก็บสมุดบัญชีเงินฝาก และบัตรเอทีเอ็มไว้ และจ่ายเงินค่าจ้างแก่นางฐานิดาและผู้ได้รับสิทธิฯ รายอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน นำมาสู่การร้องเรียนเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2561

หลังการตรวจสอบของสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย ระบุว่า ชมรมคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ทำผิดกฎระเบียบข้อบังคับของสมาคมฯ มีผลให้ยกเลิกใบอนุญาตตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2561 เป็นต้นมา
(แฟ้มภาพ)
โดยปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.กาฬสินธุ์ ที่ดูแลด้านสิทธิคนพิการ และสำนักงานจัดหางาน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ จ.กาฬสินธุ์ อ้างว่าเป็นหน่วยงานที่บริษัทเอกชนผู้จ้างเหมาตามมาตร 35 เข้ามาประสานงาน พร้อมกับจัดเจ้าหน้าที่มาเยี่ยมชมกิจกรรมในชมรมผู้พิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ แต่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลใดๆ กับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยบอกแค่ว่าเป็นเรื่องของส่วนกลาง


กำลังโหลดความคิดเห็น